“ชํานาญ จันทร์เรือง” ฟันธงคดี “พิธา”อีกนานกว่าจะจบ เพราะอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม ต้องสู้กันถึง 3 ศาล หมดวาระสภาจะเสร็จหรือเปล่า ยังไม่รู้ ยืนยัน แม้ถูกตั้งข้อกล่าวหาไม่ได้แปลว่ามีความผิด
นายชํานาญ จันทร์เรือง อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และกรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีที่ กกต.มีมติกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งกรรมการไต่สวน ตาม ม.42(3) และ ม.151 มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง-รู้ว่าไม่มีสิทธิแต่ยังฝืนลงเลือกตั้ง โดยมีเนื้อหาดังนี้
“จากการที่ กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณีคุณพิธา มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการรับสมัครเลือกตั้งด้วยเหตุการถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น โดยให้เหตุผลว่าเป็นคำร้องที่ยื่นเกินระยะเวลาตามระเบียบ กกต.ฯแต่สั่งให้ไต่สวนว่าคุณพิธาเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งและรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งฯอันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 42(3)และมาตรา 151ตามพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ฯ จึงเห็นควรพิจารณาไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏ นั้น
“ผมขอให้ความเห็นว่ากรณีตาม ม.42(3) และม.151ตามพรป.เลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งมีโทษโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 20 ปีนั้น จะต้องใช้เวลาอีกยาวนาน เพราะเรื่องที่จะอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม ไม่ใช่อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่ง กกต.สอบสวนเสร็จ จึงจะต้องไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งมีขั้นตอนต่อไปยังพนักงานอัยการและอีก 3 ชั้นศาล
“สรุปว่า เรื่องนี้อีกนานนนนนนนนนนนครับ หมดสมัยสภาชุดที่ 26 แล้วจะเสร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้วววววววว”
ขณะที่นายชำนาญ ยังโพสต์อีกว่า
ชำนาญ - การถูกตั้งข้อกล่าวหาไม่ได้หมายความว่ามีความผิดแล้วนะครับ
มิตร - เดี๋ยวก็หาทางเอาผิดจนได้
ชำนาญ - ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็พังกันทั้งระบบล่ะครับ ก็ดีเหมือนกันจะได้เริ่มต้นใหม่เสียที