ชัดแล้ว! "วิโรจน์" ตัวพ่อสส.ส้มเกรดเอ ตัดสินใจไม่ลงสมัคร สส. อีก 1 ราย ต่อจาก "เท่าพิภพ" คาด ปชน.วางตัวเป็นฝ่ายบริหาร ด้าน "โตโต้" ที่ประกาศไม่ลงเขต ล่าสุด ลงอีกสมัยเป็น "ปาร์ตี้ลิสต์" แทน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาชนเกี่ยวกับการจัดทัพรับศึกเลือกตั้ง ว่า ระหว่างวันที่ 17-18 ธ.ค. ที่โรงแรมอวานา บางกอก โฮเทล ย่านบางนา พรรคประชาชนได้มีการจัดสัมมนา ว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรค ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตทั่วประเทศ โดยเมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 ธ.ค. มีการส่งข้อความเเจ้ง ว่าที่ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ทั้งตัวจริง และตัวสำรอง จำนวน 120 คน ให้มาร่วมสัมมนา ขณะนี้ การจัดเรียงลำดับว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ยังไม่เเล้วเสร็จ ยังไม่จัดเรียงว่าใครอยู่ลำดับใด สำหรับ สส.เกรดเอ ของพรรคประชาชนที่ตัดสินใจไม่ลงสนาม สมัคร สส. ในรอบที่จะถึงนี้ ต่อจากนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. ก็คือในรายของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค โดยเจ้าตัวยังไม่ออกมาเปิดเผยเหตุผลการตัดสินใจดังกล่าว แต่เบื้องต้นคาด ว่า น่าจะทำงานต่อกับพรรคในด้านการบริหาร ตามที่ ได้รับมอบหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนายปิยรัฐ จงเทพ อดีต สส. กทม. ที่เพิ่งโพสต์เฟซบุ๊ก ประกาศว่าไม่ได้ลงสมัครบัตรเขตนั้น ล่าสุด ลงสมัครต่อในระบบบัญชีรายชื่อ
ปชน.เผยส่งผู้สมัครแบ่งเขต-บัญชีรายชื่อครบ 500 คน
พรรคประชาชน (ปชน.) จัดงานสัมมนาว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ โดยพรรคยืนยันว่าส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต และได้จัดทำบัญชีรายชื่อครบ 100 คนเรียบร้อย เพื่อเตรียมทำไพรแมรี่ตามขั้นตอนทางกฎหมาย ก่อนจะถึงวันรับสมัครอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 ธ.ค.68
บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีผู้บริหารพรรคเข้าร่วมกล่าวถึงแนวทางการหาเสียง โดยณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุธ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ขึ้นกล่าวต้อนรับว่าที่ผู้สมัคร สส. โดยย้ำถึงความสำคัญของการเลือกตั้งในฐานะวันตัดสินอนาคตประเทศไทย ว่าจะเดินหน้าต่อไปสู่การจัดการปัญหาเรื้อรังอย่างเต็มรูปแบบ หรือจมดิ่งสู่ความเทา ให้ทุนเทาดำยึดประเทศ
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขตมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพราะพรรคต้องการได้ที่นั่งในสภามากที่สุด แต่ผู้สมัครเขตคือตัวแทนของพรรคในทุกพื้นที่ที่จะต้องเดินไปพูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ถึงนโยบายและแนวทางการทำงานของพรรค ตลอดจนทำให้ประชาชนตระหนักว่า 1 เสียงของตนเองจะเป็นการชี้ชะตาอนาคตประเทศไทย ว่าจะได้รัฐบาลแบบไหนมานำพาประเทศไปข้างหน้า
"ขอให้ว่าที่ผู้สมัครทุกคน ครองตนอยากมีวุฒิภาวะ และใช้โอกาสในการประชุมใหญ่ 2 วันนี้ เป็นเวลาเก็บเกี่ยวความรู้นโยบายกว่า 200 นโยบายของเราอย่างเต็มที่ เพื่อให้นำไปใช้ในการทำงานพื้นที่และหาเสียงเลือกตั้งต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ" นายณัฐพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ตลอด 2 วันของการสัมมนามีการจัดเวิร์คชอปติวเข้มผู้สมัคร สส.ใน 4 หัวข้อ ได้แก่ ชุดนโยบายความมั่นคงและประชาธิปไตยใหม่ โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ ชุดนโยบายพลิกคุณภาพชีวิตคนไทย และชุดนโยบายปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดินครั้งใหญ่ ซึ่งพรรคประชาชนเชื่อมั่นว่านโยบายจะเป็นจุดแข็งของพรรค เช่นเดียวกับใน 2 การเลือกตั้งที่ผ่านมา และครั้งนี้ นโยบายที่ลงลึก มีทั้งหลักการและการวิธีการทำนโยบายให้เป็นจริง จะทำให้ประชาชนสามารถตัดสินใจได้ว่าจะมอบความไว้วางใจให้พรรคการเมืองใดบริหารประเทศ ซึ่งพรรคประชาชนเชื่อว่าการทำการเมืองแบบโปรงใส ไม่ซื้อเสียง ชนะใจคนด้วยนโยบาย จะสามารถสร้างมีทีมบริหารประเทศที่มีความรู้ความสามารถ พาไทยพ้นจากวงจรการเมืองทุนเทา มุ้งบ้านใหญ่ ที่ฉุดรั้งประเทศไทยมาหลายสิบปีได้