เปิดวิสัยทัศน์  "ยศชนัน-จุลพันธ์-สุริยะ" 3  แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย

เปิดวิสัยทัศน์  
เพื่อไทย เปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี "ยศชนัน-จุลพันธ์-สุริยะ"  พร้อมโชว์วิสัย 

พรรคเพื่อไทยจัดงาน “ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้” เพื่อเปิดตัวผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจำนวน 3 คน ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โดยอดีตนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้าร่วมฟังการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ ร่วมกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย และพี่น้องประชาชน

ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศ โดยย้ำว่าชีวิตของตนคือภาพสะท้อนของคนไทยจำนวนมากที่เติบโตจากครอบครัวข้าราชการและพยาบาล ย้ายถิ่นฐานไปหลายจังหวัด เรียนในโรงเรียนประจำจังหวัด และได้รับการปลูกฝังว่าความรู้และความขยันคือหนทางเปลี่ยนชีวิต พร้อมยืนยันว่า “ในประเทศไทย หากตั้งใจจริง ทุกอย่างเป็นไปได้”

ศ.ดร.ยศชนัน เล่าย้อนถึงเส้นทางการทำงานด้านวิศวกรรมศาตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เริ่มต้นกว่า 18 ปีก่อนที่มหาวิทยาลัยมหิดล โดยได้พัฒนาเทคโนโลยี Brain-Computer Interface (BCI) เพื่อช่วยผู้พิการ รวมถึงการก่อตั้งสตาร์ทอัพด้านการป้องกันอุบัติเหตุจากการหลับใน เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเพื่อไม่ให้ผู้คนประสบอุบัติเหตุจนนำไปสู่ความพิการได้ พร้อมไปกับการสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญระดับโลก จนสามารถนำทีมนักศึกษาไทยเข้าแข่งขันระดับนานาชาติในเวที Cybathlon ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อยอดสู่ระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทย
 
ศ.ดร.ยศชนัน กล่าวว่า ประเทศไทยเคยผ่านวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปี 2540 และสามารถฟื้นตัวได้จากความเชื่อมั่นว่าคนไทย “ทำได้” พร้อมยกบทบาทของ “พรรคไทยรักไทย” ในอดีตที่สร้างนโยบายเปลี่ยนชีวิตประชาชน และปลดวิกฤตให้กับประเทศไทยได้ แต่ตลอดเส้นทางกลับเผชิญความไม่เป็นธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนถึงปัจจุบันปี 2568 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ “Perfect Storm” ทั้งเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยพยามแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเต็มที่ แต่สถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่ทำให้ต้องเปลี่ยนนายกฯ ปีละครั้ง การที่ทำได้ขนาดนี้ก็ต้องชื่นชมอดีตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย
 
ศ.ดร.ยศชนัน กล่าวว่า ถึงทิศทางอนาคตของประเทศไทยด้วยว่า วันนี้ถ้าเราเลือกที่จะทำสิ่งใหม่ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ปรับโครงสร้างเทคโนโลยี โดยใช้ความคิดสร้างสรรคของคนไทย ก็เชื่อว่าอนาคตที่ดีของประเทศไทยเป็นไปได้
 
ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ศ.ดร.ยศชนัน ประกาศตัวว่า จะนำพาประเทศไทยพาล้นจากวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ไปให้ได้ โดยเสนอเป้าหมายยกระดับประเทศไทยสู่ประเทศรายได้สูงให้เร็วที่สุด โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ AI เป็นแกนหลัก ผ่านยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพเศรษฐกิจเดิม (Old Economy) ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในส่วนของภาคเกษตรกรรม อุตสาหรกรรมการผลิต และภาคการบริการ พร้อมไปกับการสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ (New Growth Engine) จากศักยภาพท้องถิ่นผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ครอบคลุมการเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศ การผลิตอุตสาหกรรม และสุขภาพและคุณภาพชีวิต

ศ.ดร.ยศชนันระบุ ขณะเดียวกันบทบาทภาครัฐเองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เพื่อรองรับเศรษฐกิจมูลค่าสูง โดยมีสิ่งรัฐบาลต้องเดินหน้า 3 ด้าน คือ
 
- สร้างความมั่นคงรอบด้าน ทั้งการทหาร ความมั่นคงไซเบอร์ ความมั่นคงด้านอาหาร พลังงาน และการรับมือ Climate Change ควบคู่การทูตที่รักษาสมดุลผลประโยชน์ของไทย

- สร้างความเชื่อมั่นผ่านการฟื้นฟูหลักนิติธรรม คืนความยุติธรรมให้ประชาชน ใช้ Digital Goverment สร้างความปลอดใสป้องกันการคอร์รับชัน ควบคู่ไปกับ AI Transformation สร้างระบบรัฐแบบ One Stop Service

- การวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ ตั้งแต่คมนาคม โลจิสติกส์ ความปลอดภัยด้วย AI โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล พลังงานสะอาด สวัสดิการ การศึกษา วิจัย และนวัตกรรม เพื่อรองรับทั้งเศรษฐกิจใหม่และยกระดับเศรษฐกิจเดิม โดยให้ความสำคัญกับการเตรียมคนให้สอดรับกับการวางโครงสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจใหม่

คนไทยทุกคนต้องได้รับโอกาสในการเติบโตที่เท่ากัน ไม่ว่าวันนี้เขาจะเกิดที่ไหน ในแผ่นดินไทยเขาเป็นคนไทย เขาต้องได้รับโอกาสที่เท่ากัน สิ่งที่เราจะทำเราไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เราจะทำเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงโดยมีหัวใจอยู่ที่ประชาชน ทุกคนครับการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางของพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการเดินทางเพื่อให้เราได้กลับมาเพื่อช่วยกันสร้างประเทศของเราขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

“วันนี้ทุกคนจากพรรคไทยรักไทย จากพรรคที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ทุกคนกลับมาที่บ้านของพวกเรา บวกกับคนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย พวกเรามารวมกัน ผมมั่นใจมากว่าเราทำได้ เริ่มจากวันนี้ เวลานี้ วินาทีนี้ ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้ ถ้าเพื่อไทยทำได้ ประเทศไทยก็ทำได้แน่นอน” ศ.ดร.ยศชนันกล่าว

ส่วนทางด้วนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี  ประกาศยกเครื่องพรรคเพื่อไทย สู่ภารกิจยกเครื่องประเทศไทย โดยชูนโยบายแก้เศรษฐกิจปากท้องของประชาช โดยกล่าวว่าตนเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่ง แต่คือความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการเห็นพรรคเพื่อไทยกลับมาเข้มแข็ง และเป็นความหวังของประเทศอีกครั้ง
 
นายจุลพันธ์ระบุว่า ตลอดระยะเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการสื่อสารกับประชาชนเชิงรุก การทำงานในสภาอย่างเข้มข้น การตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่รวมคนทุกวัย ทุกภูมิภาค และการพัฒนานโยบายที่รับฟังทั้งนักวิชาการและเสียงประชาชน โดยทั้งหมดเกิดจากความร่วมมือของสมาชิกพรรคที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
 
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา พรรคไม่เคยละทิ้งประชาชน วันนี้พรรคพร้อมแล้วจากการยกเครื่องภายใน สู่ภารกิจที่ใหญ่กว่า คือการยกเครื่องประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
 
นายจุลพันธ์กล่าวถึงเส้นทางทางการเมืองว่า เข้าสู่การเมืองกว่า 20 ปี จากพื้นที่ชายขอบจังหวัดเชียงใหม่ แม้จะมีโอกาสทางการศึกษาและการทำงานในต่างประเทศ แต่การได้เห็นความเหลื่อมล้ำระหว่างความมั่งคั่งและความยากลำบาก ทำให้เกิดความมุ่งมั่นใช้ความรู้ทางเศรษฐกิจปลดโซ่ตรวนชีวิตของคนไทย
 
นายจุลพันธ์ชี้ว่า ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่ประชาชนเผชิญ ไม่อาจสะท้อนด้วยตัวเลขเพียงอย่างเดียว เพราะคือความทุกข์ ความเครียด และความไม่มั่นคงในชีวิต โดยเฉพาะภาระหนี้สินและสังคมสูงวัยที่ผู้สูงอายุจำนวนมากไม่มีเงินออม
 
สำหรับนโยบายเร่งด่วน พรรคเพื่อไทยจะผลักดัน “หวยเกษียณ” ภายใน 3 เดือนแรกของการเป็นรัฐบาล เพื่อเปลี่ยนการเสี่ยงโชคเป็นการออม สร้างหลักประกันทางการเงินให้ผู้สูงอายุ ควบคู่กับสวัสดิการของรัฐ
 
ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยเตรียมเดินหน้ามาตรการ “ล้างหนี้ให้คนไทย” มองว่าปัญหาหนี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยประกอบด้วย การแก้หนี้นอกระบบด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การเปิดโอกาสให้ปิดหนี้เสีย (NPL) ด้วยการจ่ายเพียงบางส่วน การพักหนี้เกษตรกร 3 ปี การปลดหนี้ผู้สูงอายุ และการให้รางวัลลูกหนี้ชั้นดี
 
นายจุลพันธ์ย้ำว่า การแก้หนี้ประชาชนไม่ใช่การแจกเงิน แต่คือการซ่อมฐานรากของระบบเศรษฐกิจไทย เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมุ่งสร้างสังคมที่ประชาชน “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” และพร้อมยกเครื่องประเทศไทยเพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า


 
ส่วนทางด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ชูวิสัยทัศน์ยกเครื่องประเทศ ดันคมนาคมเปิดโอกาสคนไทย สานต่อ 20 บาทตลอดสาย–บ้านเพื่อคนไทยว่า การพัฒนาประเทศต้องเริ่มจากการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะระบบคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้ประชาชนทุกระดับ
 
นายสุริยะ ระบุว่า ประสบการณ์ในฐานะผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ทำให้เห็นข้อจำกัดของระบบราชการที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ จึงตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเพื่อร่วมแก้ไขระบบ โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นฐานการจ้างงานหลักของประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย
 
ตลอด 27 ปีของการทำงานการเมือง นายสุริยะ กล่าวว่าภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันนโยบายสำคัญ อาทิ การแปรรูป ปตท. และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รวมถึงการเร่งรัดก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิให้แล้วเสร็จและเปิดใช้งานในปี 2549 ภายในเวลาเพียง 4 ปี 9 เดือน ซึ่งช่วยยกระดับบทบาทประเทศไทยบนเวทีการบินโลก
 
นายสุริยะ ชี้ว่า สนามบินสุวรรณภูมิไม่ใช่เพียงสนามบิน แต่คือประตูเศรษฐกิจของประเทศที่เชื่อมไทยกับโลก โดยหลังเข้ารับตำแหน่งในปี 2566 ได้เร่งฟื้นฟูคุณภาพการให้บริการ นำเทคโนโลยีสากลมาใช้ ลดเวลารอคิวผู้โดยสารจากเฉลี่ย 40 นาที เหลือประมาณ 5 นาที ส่งผลให้อันดับสนามบินสุวรรณภูมาดีขึ้นจากอันดับที่ 77 ของโลกในปี 2565 มาอยู่ที่อันดับ 39 ในปี 2568
 
พร้อมกันนี้ ได้เสนอภาพใหญ่การพัฒนาคมนาคมของประเทศ ผ่านการเชื่อมระบบถนน ระบบราง ระบบการบิน และท่าเรือ เข้าด้วยกันเป็นโครงข่ายเดียว ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ IoT บริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างไร้รอยต่อ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าและการขนส่งของภูมิภาค โดยคมนาคมไม่ได้พาคนไปสู่ที่หมาย แต่ต้องพาคนไปสู่อนาคต 
 
สำหรับนโยบายเร่งด่วน นายสุริยะ ยืนยันการสานต่อ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” โดยหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนจะสามารถใช้ได้ภายใน 3 เดือน พร้อมพัฒนา Feeder ควบคู่ผ่านนโยบาย “รถเมล์แอร์ 10 บาท” เพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการเดินทางคุณภาพได้จริง
 
ขณะเดียวกัน นโยบาย “บ้านเพื่อคนไทย” ได้เริ่มต้นด้วย 4 โครงการนำร่อง เน้นบ้านในทำเลศักยภาพ ใกล้ระบบคมนาคม ใกล้แหล่งงาน และจ่ายไหว เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพาคนเดินทาง แต่ช่วยให้คนไทยตั้งหลัก มีบ้าน มีคุณภาพชีวิต และมีอนาคตที่มั่นคง
 
นายสุริยะ กล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคเพื่อไทยยังมีพลัง อุดมการณ์ และทีมงานที่ผสานประสบการณ์กับพลังคนรุ่นใหม่ พร้อมอาสารับภารกิจในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อรวมพลัง “ยกเครื่องประเทศไทย” ให้เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับชีวิตคนไทยทุกคน

TAGS: #เพื่อไทย #แคนดิเดตนายก #ยศชนัน #จุลพันธ์ #สุริยะ