ปปง. ยึด-อายัดทรัพย์ สแกมเมอร์ข้ามชาติกว่า 1 หมื่นล้าน ปชป.ขอบคุณหลังยื่นหลักฐาน ประกาศพร้อมสานต่อภารกิจสร้างความโปร่งใส ไทยสร้างไทยหนุนจี้ตรวจสอบเพิ่มเส้นเงินถึงนักการเมืองคนใดบ้าง
เมื่อช่วงดึกคืนวานนี้ (2 ธ.ค.) นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความขอบคุณสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อย่างเป็นทางการ หลังจากคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีมติสำคัญเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 คดีใหญ่ ซึ่งมีมูลค่ารวมสูงถึง 10,165 ล้านบาท
นายพงศกรระบุว่า การดำเนินการครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นภายหลังจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งมอบข้อมูลและหลักฐานเส้นทางธุรกรรมทางการเงินที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ต่อ ปปง. เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
"พรรคประชาธิปัตย์ขอขอบคุณ ปปง. ที่เร่งรัดกระบวนการ จนสามารถเริ่มการยึดและอายัดทรัพย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม" โฆษกพรรคฯ กล่าว
จากการดำเนินการของ ปปง. ได้ชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงของอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐาน โดยตรวจพบเครือข่ายสแกมเมอร์ที่เชื่อมโยงกันหลายชั้น ใช้วิธีการฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล บัญชีม้า และธุรกรรมหมุนเวียนระหว่างประเทศ โดยมีทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัดรวมทั้งสิ้น 289 รายการ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้ย้ำว่า การที่หน่วยงานรัฐสามารถดำเนินการยึดทรัพย์ที่มีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทในครั้งนี้ได้ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำคัญของการทำงานเชิงรุกในการปราบปราม "ทุนเทา" และสร้างความโปร่งใสในระบบเศรษฐกิจ
"เราจะทำงานเชิงข้อมูลต่อไป เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้บนความโปร่งใส" นายพงศกรกล่าวทิ้งท้าย โดยยืนยันถึงความมุ่งมั่นของพรรคประชาธิปัตย์ในการสานต่อภารกิจ #เปิดฟ้าใหม่ไล่เมฆเทา เพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างไม่หยุดยั้ง
นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งอายัดทรัพย์ของนายเฉินจื้อและนายก๊กอาน รวมถึงข้อมูลที่ปรากฏในข่าวว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงบุคคลและนิติบุคคลหลายราย เช่น “เบน สมิธ” โดยระบุว่าการอายัดทรัพย์ดังกล่าวเป็นการดำเนินงานที่ถูกต้องตามขั้นตอน ควรมีความโปร่งใสและตรวจสอบให้ครบถ้วนทุกมิติ
นายปริเยศกล่าวว่า เมื่อมีการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงหรืออาจเข้าข่ายฟอกเงิน หน่วยงานภาครัฐควรเปิดเผยกระบวนการตรวจสอบให้ประชาชนเข้าใจได้อย่างชัดเจน พร้อมเร่งขยายผลไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากข้อมูลที่ปรากฏชี้ให้เห็นว่ามีเส้นเงินโยงไปถึงบุคคลและบริษัทหลายกลุ่ม รวมถึงรายชื่อที่ถูกกล่าวถึงในข่าว
โฆษกพรรคไทยสร้างไทยย้ำว่า สิ่งสำคัญคือการตรวจสอบว่าเงินที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสแกมเมอร์นั้นมีไหลเวียนเข้าสู่แวดวงการเมือง ผ่านนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เงินผิดกฎหมายมีอิทธิพลต่อระบบการเมืองไทย
“หากมีการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและรอบด้าน เชื่อว่าจะสามารถขยายผลและทลายเครือข่ายได้อีกมาก พร้อมกันนั้นยังเป็นการทำงานควบคู่ไปกับหน่วยงานอื่นที่กำลังตรวจสอบเส้นทางเงินที่พัวพันในตลาดหุ้นหรือบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งอย่างเข้มข้นในช่วงนี้ด้วย” นายปริเยศกล่าว
โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ยังเชิญชวนประชาชนจับตาการทำงานของหน่วยงานรัฐอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงใกล้การเลือกตั้ง ซึ่งเป็นช่วงที่เงินผิดกฎหมายมีความเสี่ยงจะไหลเข้าสู่ระบบการเมืองและตลาดทุนมากขึ้น พร้อมเชื่อว่าการตรวจสอบที่รัดกุมจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สังคมได้อย่างแท้จริง.