พรรคประชาชนเปิดเกมเลือกตั้ง! เปิดตัวครบ 3 แคนดิเดตนายกฯ ชูทีมเศรษฐกิจ–นโยบายดิจิทัล

พรรคประชาชนเปิดเกมเลือกตั้ง! เปิดตัวครบ 3 แคนดิเดตนายกฯ ชูทีมเศรษฐกิจ–นโยบายดิจิทัล
พรรคประชาชนเดินหน้าเปิดตัวผู้นำ 3 แกนหลัก นำโดย "ณัฐพงษ์–ศิริกัญญา–วีระยุทธ" สะท้อนภาพพรรคที่ผสานเทคโนโลยี–เศรษฐกิจ–นโยบายสาธารณะ ชูความพร้อมรับสนามเลือกตั้ง

ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคประชาชนจัดกิจกรรม “รีชาร์จประชาชน Recharge the People” เป็นวันที่ 2 โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญา สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวในหัวข้อ “ความมั่นคงใหม่ เศรษฐกิจใหม่ บริหารประเทศแบบใหม่ ไทย•ทัน•โลก” พร้อมเปิดชุดนโยบายแรกของพรรคประชาชน ว่า หน้าที่ของเราคือการเป็นสะพานเชื่อมทุกคนเข้าด้วยกัน มาร่วมกันทำการเมืองเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ถ้าตนเป็นนายกฯ จะเป็นนายกฯ อย่างไรในสไตล์วิศวะคอมพิวเตอร์ นโยบายในการสู้ศึกเลือกตั้งและการบริหารราชการแผ่นดิน คือสร้างประเทศไทยไม่มีสีเทา ประเทศไทยที่เท่าเทียม เท่าทันโลก ทั้งนี้ประเทศไทยมีปัญหาครอบครัวแหว่งกลาง 30-40% ประเทศไทยปัจจุบันเป็นรัฐที่ดูแลคนตั้งแต่เกิดจนเกษียณอย่างไร ที่บอกว่าระบบสาธารณสุขดี แต่ทำไมยังมีอัตราแม่คลอดเสียชีวิต 34 ต่อแสนประชากรมารดา มีปัญหาเด็กแคระแกรน 13% โดยเฉพาะภาคใต้ ดังนั้นต้องพูดกันเรื่องปฏิรูปอำนาจรัฐ ให้ท้องถิ่นเพื่อแก้ไขปัญหา

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนวัยเรียนหลุดออกนอกระบบการศึกษาว่า 1 ล้านคน จากการสำรวจ 10 ล้านคน คิดเป็น 10 % ขณะที่วัยทำงานพบข้อมูลเสียชีวิตบนถนน 1.8 หมื่นคนต่อปี กว่า 74 % ขี่จักรยานยนต์ เพราะคนเหล่านี้ไม่มีเงินมากกพอที่จะผ่อนรถเก๋ง ยิ่งไม่ใส่ใจระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งต้องบอกว่าการตัดถนนอย่างเดียวไม่เพียงพอ ดังนั้นถ้าหน้าที่รัฐบอกดูแลผู้ป่วยอย่างเท่าเทียม ให้สิทธิพื้นฐาน ลงทุนสูงขึ้นทั้งขนส่งสาธารณะ ซึ่งปัจจุบันรัฐละเลยเรื่องนี้มาก ต้องย้ำว่า วัยแรงงานสำคัญมาก แต่ก็มีวัยแรงงานจำนวนมากที่ต้องไปเกณฑ์ทหาร ทำให้เรามีประชากรที่หลุดออกจากระบบแรงงานไปเยอะ

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ประเทศไทยต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคิดว่าต้องลงไปแก้ไข แต่สิ่งที่เราอยากสร้างคือ ประเทศไทยที่คนทุกคนไม่ว่าจะเกิดมารวยหรือจน เกิดที่จังหวัดใดก็ตามรู้สึกอยากมีลูก ไม่ได้รู้สึกว่ามีลูกยากเพราะค่าเทอมแพง ลูกเกิดมาในประเทศนี้แล้วจะแข็งแรง โตไปจะมีอนาคตหรือไม่ แต่เด็กทุกคนต้องมีสุขภาพดี การศึกษาได้มาตรฐาน งานดีมีคุณภาพ ผู้สูงวัยเกษียณได้อย่างสบายใจ หากจะบอกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เรารู้อยู่แล้วว่ารัฐดูแลเราไม่เพียงพอ แต่หากดูในภาพรวมของประเทศ ซึ่งตนเปรียบเทียบว่าประเทศไทยเหมือนแพลตฟอร์มหนึ่ง คนจะนิยมใช้ นักลงทุนอยากเข้ามาคือเป็นแพลตฟอร์มที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อดึงดูดนักพัฒนาแอพลิเคชัน และคนเข้ามาใช้งาน

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า สุดท้ายสิ่งที่จำเป็นคือเรื่องของกฎระเบียบไม่ให้มีแอพสแปมต่างๆ เข้ามา ซึ่งมันคือสภาพแวดล้อมที่จะทำให้เกิดแพลตฟอร์มหนึ่งขึ้นมา ซึ่งหากเราเปรียบประเทศเป็นแพลตฟอร์มๆ หนึ่ง ระดับฮาร์ดแวร์คือถนน ประปา สวนสาธารณะ ขนส่งสาธารณะ ขยะ ไฟฟ้าสะอาด อินเทอร์เน็ต เราต้องเปิดโอกาสให้คนด้านบนไปต่อยอดได้ง่าย ซึ่งระบบการเมืองมีหน้าที่จัดสรรทรัพยากรของรัฐ และระบบยุติธรรม มีหน้าที่ขององค์กรที่กำกับกฎหมายและกติกาในสังคม และคนที่ให้บริการสาธารณะขั้นพื้นฐานกับประชาชน เพื่อให้คนที่เกิดมาในประเทศนี้สามารถเติบโตขึ้นได้ง่าย กลไกนั้นคือระบบราชการ ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ หากรัฐทำได้ดีก็จะทำให้พวกเราเติบโตได้ง่ายขึ้น

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้เรื่องการสร้างความเชื่อมั่นเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐ วิธีในการกอบกู้ความเชื่อมั่นและความเชื่อใจของรัฐ คือ โปร่งใส ประสิทธิภาพ ประชาชน และเครื่องมือทางดิจิทัลถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการกอบกู้ความเชื่อมั่นของรัฐได้ ในการที่จะทำให้รัฐโปร่งใสมีประสิทธิภาพ และมีส่วนร่วมจากประชาชน นอกจากนั้นสิ่งสำคัญในประเทศไทยคือการปฏิรูปที่ดิน เพื่อสร้างโอกาสสร้างตัวเลือกให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งสำคัญคือรัฐบาลที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิเดขึ้นจริงความจะมีหน้าตาอย่างไร สำหรับตนคิดว่าหน้าตาของรัฐบาลที่จะทำทุกอย่างให้สำเร็จด้วย มี 3 ข้อคือ 1. เอาจริง มีเจตจำนงทางการเมือง 2.เราต้องมีโฉมหน้ารัฐบาลที่มีความรู้ความสามารถ เหมาะกับตำแหน่งงาน ไม่ได้มาจากโควตาทางการเมือง 3. การวางบทบาทของไทยในเวทีโลกได้ เช่น เรื่องของนโยบายทางการทูต การไม่ยึดข้าง แต่ยึดหลักการ เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ส่วนคณะทำงาน ด้านฝ่ายบริหาร จะมีการเริ่มทยอยเปิดตัวมากยิ่งขึ้น และกระแสข่าวที่มีการนำข้อมูลจากแขกรับเชิญในงานของเรามาเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรีนั้น ขอยืนยันว่าเป็นเฟกนิวส์ ขอให้รอให้มีการเปิดอย่างเป็นทางการก่อน

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คนของพรรคประชาชน ประกอบด้วย 1.นายณัฐพงษ์ 2.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคฝ่ายนโยบาย และ 3.นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคฝ่ายยุทธศาสตร์ สุดท้ายการจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้หนีไม่พ้นคนที่อยู่สูงสุดของประเทศต้องเอาจริงในเรื่องนี้ หากคนที่อยู่ในพรรคพวกของตัวเองทำผิดกฎหมาย คุณก็ต้องกล้าจัดการ เพราะเมื่อไรก็ตามที่คุณไม่กล้าจัดการ ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างทั้งโครงสร้างได้ ซึ่งตนมี น.ส.ศิริกัญญา และนายวีระยุทธ ช่วยดูแลในการทำงานต่างๆ ตนขอประกาศคำมั่นสัญญาว่าตนจะดูแลทำให้ไทย ไม่เทา และจะกำจัดธุรกิจคอร์รัปชั่นให้หมดไป

“นี่คือโฉมหน้าการทำงานของพวกเราในอนาคต เราทำงานเป็นทีม ที่บอกลำดับต่างๆ เพราะเราเชื่อว่าการเสนอตัวในการเลือกตั้งเราไม่อยากให้เป็นนายกฯกล่องสุ่ม ไม่ใช่ให้ประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้งแล้วไปเลือกกันเอง ว่าตกลง 3 คนนี้ใครจะเป็นนายกฯ คนถัดไป เราต้องการตรงไปตรงมากับประชาชน ตอนเข้าคูหาคุณต้องรู้เลยว่าหากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ใคร คือเบอร์ 1 เบอร์ 2 และเบอร์ 3 แต่หากมีอะไรเกิดขึ้นนี่ก็คือโฉมหน้าของพวกเรา รวมถึงเราจะทำงานกันเป็นทีม เพื่อส่งต่อประเทศไทยที่ไม่เทา เท่ากัน และทันโลกไปด้วยกัน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

สำหรับประวัติของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ “เท้ง” อายุ 38 ปี เกิดวันที่ 18 พ.ค. 2530 เป็นบุตรชายคนที่ 4 ของ นายสุชาติ เรืองปัญญาวุฒิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด และ ประธานกรรมการ บริษัท เรืองปัญญา เคหะการ เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคส้มได้วางตัว นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ในบัญชีรายชื่ออันดับที่ 13 ของพรรค ที่มีการวางนโยบายด้านดิจิทัล ด้วยแนวคิด “เทคโนโลยีเปลี่ยนประเทศ”

จบปริญญาตรี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนทวีธาภิเศก

ส่วนประวัติการทำงาน เคยเป็นผู้บริหาร absolute.co.th ผู้ให้บริการคลาวด์ โซลูชัน ก่อนเข้ามาทำงานทางการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรรมาธิการงบประมาณ ในปี 2562-2566 เดิมเป็น สส. สังกัดพรรคอนาคตใหม่ แต่เมื่อพรรคถูกยุบ จึงย้ายเข้าไปอยู่พรรคก้าวไกล ซึ่งมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหน้าหน้าพรรค แต่ต้องถูกยุบและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 11 คนเป็นเวลา 10 ปี จึงได้มีโอกาสขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน โดยเป็นลูกหม้อจากผู้ร่วมก่อตั้งพรรคส้มตั้งแต่แรก และก็ยังทำหน้าที่ได้ดีเป็นที่ยอมรับจากคนในพรรค ถึงแม้กระแสไม่ฟูเหมือนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายพิธา ก็ตาม แต่พรรคก็ยังเชื่อว่าสามารถทำหน้าที่ได้ดีและสามารถนำพาพรรคสู้สนามเลือกตั้งได้

ส่วน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล “ไหม” เป็นนักการเมืองชาวไทย มาจากครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว เจ้าของกิจการเดินรถเมล์ในจังหวัดชลบุรี จบ ม.ต้นที่โรงเรียนชลกันยานุกูล ชั้น ม.ปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและโท จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยตูลูส ประเทศฝรั่งเศส

“ศิริกัญญา” เคยทำงานให้กับมูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future Foundation) และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กระทั่งได้เข้ามาร่วมงานการเมืองกับพรรคอนาคตใหม่ ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย โดยการชักชวนของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 15 สังกัดพรรคอนาคตใหม่ ได้รับเลือกตั้งเป็น สส. สมัยแรก ต่อมาเมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ จึงย้ายมาสังกัดพรรคก้าวไกล พร้อมกับสมาชิกเดิม และเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาชน และการทำหน้าที่ในสภาที่ผ่านมาก็โดดเด่นในเรื่องของเศรษฐกิจชัดเจน

ขณะที่ นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร หรือ “ต้น” จบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันเป็นรองศาสตราจารย์ที่ National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทำงานวิจัยเรื่องความสำเร็จของเสือเศรษฐกิจแห่งเอเชียและกับดักรายได้ปานกลาง เคยเป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น UNCTAD และ United Nations ESCAP เป็นผู้เขียนหนังสือ “เศรษฐกิจสามสี: เศรษฐกิจแห่งอนาคต” และเป็นแกนหลักในการเสนอนโยบายเศรษฐกิจให้กับพรรคอนาคตใหม่ ผู้เสนอสโลแกน “ไทยสองเท่า: คนไทยเท่าเทียมกันและประเทศไทยเท่าทันโลก” วันนี้มาเสนอยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ที่จะผลักไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนอุตสาหกรรมไฮเทคโลก

การศึกษา

ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ
ปริญญาเอก เศรษฐศาสตร์ เคมบริดจ์

ผลงาน

เศรษฐกิจสามสีเศรษฐกิจแห่งอนาคต
เศรษฐกิจฉบับทางเลือก: Economics User’s Guide (Ha-JoonChang เขียน; วีระยุทธ แปล)
Developmental State Building: The politics of emerging economies

ประวัติส่วนตัว

นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร จบการศึกษาปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์และปริญญาโทเศรษฐศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ

เคยเป็นรองศาสตราจารย์ที่ National Graduate institute for Policy Studies (GRIPS) มหาวิทยาลัยเฉพาะทางด้านนโยบายสาธารณะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สอนและทำวิจัยด้านนโยบายอุตสาหกรรม การพัฒนาของเอเชียตะวันออก กับดักรายได้ปานกลาง

เคยอยู่ในทีมวิจัยและเป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น UNCTAD และ United Nations ESCAP

ประสบการณ์ทางการเมือง

เป็นที่ปรึกษาที่เป็นแกนหลักในการเสนอนโยบายเศรษฐกิจ พรรคอนาคตใหม่
ผู้เสนอนโยบาย “ไทยสองเท่า” เพื่อคนไทยเท่าเทียมกันและประเทศไทยเท่าทันโลก
เป็นที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร
เป็นสมาชิกใน “ทีมเศรษฐกิจ” ของพรรคก้าวไกล
 

TAGS: #พรรคประชาชน #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #แคนดิเดตนายกฯ # ศิริกัญญา #วีระยุทธ