"โฆษกพปชร." เผย "บิ๊กป้อม" สั่งตรวจคุณสมบัติและประวัติอาชญากรรมเข้มทุกผู้สมัคร สส. พลังประชารัฐ พร้อมเตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครชุดใหญ่ที่คาดว่า "ว้าว" ทั้งประเทศ ลั่นนโยบาย 8 ปีพร้อมสานต่อ
ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีประชุมกรรมการบริหารพรรควันนี้ว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นประธานในที่ประชุมซึ่งได้เน้นย้ำในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในต้นปี 2569 โดยมีเกณฑ์หลักในการคัดเลือก บุคคลที่มีความรู้ความสามารถและมีการแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงมีการคัดกรองและตรวจคุณสมบัติประวัติความเป็นมาว่าบุคคลเหล่านั้นเคยกระทำความผิดอะไรหรือไม่และเคยต้องโทษในคดีอาญาหรือไม่ ซึ่งมีการตรวจสอบทั้งโซเชียลมีเดียและวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผู้สมัครที่มีคุณภาพ
ส่วนกำหนดการเปิดตัวผู้สมัครนั้นจะเป็นช่วงเวลาเร็ว ๆ นี้เพราะวันนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ถูกตั้งเป็นประธานที่ปรึกษาฝ่ายนโยบาย รวมทั้งนายสามารถ แก้วมีชัย อดีตสส.เชียงราย มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค และจะนำเสนอให้เป็นกรรมการบริหารพรรคในการประชุมครั้งหน้า และอาจจะมีผู้สมัครเข้ามาในพรรคเพิ่มเติม
เมื่อถามว่ามีแม่เหล็กที่จะดูดคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า การประชุมใหญ่ในครั้งหน้าจะมีข่าวดี และข่าวว้าว อยากให้สื่อมวลชนติดตามเพราะเปิดตัวมาแต่ละคนก็เป็นบุคคลที่ประชาชนสนับสนุน ส่วนนโยบายที่จะแข่งขันกับพรรคอื่นนั้น พรรคพลังประชารัฐจะเน้นในนโยบายที่ผ่านมา 8 ปีทำแล้วสามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้
โดยเฉพาะนโยบายสำคัญที่รัฐบาลได้นำไปขับเคลื่อน คือโครงการคนละครึ่ง ซึ่งเคยนำเรียนนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่าเป็นนโยบายที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง ทั้งผู้ประกอบการ ผู้มีรายได้น้อย และสามารถนำไปใช้และเกิดผลย่างแท้จริง ซึ่งทางพรรคประชารัฐถ้าเป็นส่วนหนึ่งในรัฐบาลก็จะขับเคลื่อนนโยบายนี้ต่อ
ส่วนนโยบายต่อถัดมาที่จะขับเคลื่อน คือการพัฒนาแหล่งน้ำควบคู่กับที่ทำกินโดยเน้นว่าถ้ามีที่ทำกิน มีแหล่งน้ำประชาชนจะไม่ยากจน เพราะ “ มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำก็มีที่ทำกิน” โดยเราจะขับเคลื่อนนโยบายในส่วนนี้ ส่วนอีกนโยบายสำคัญ คือ การพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่เห็นว่าในช่วง 8 ปีของพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมสายหลัก ซึ่งบางเส้นได้เปิดทดลองใช้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพ-นครราชสีมา หรือบางใหญ่-กาญจนบุรี ทำให้ประชาชนมีการคมนาคมขนส่งสินค้าได้อย่างเร็วมากขึ้น รวมถึงลดต้นทุนในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และการพัฒนาเส้นทางคมนาคมต่อเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งได้ทำเอาไว้เมื่อแปดปีที่แล้ว คือ โครงการรถไฟความเร็วสูง เพื่อต่อเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศจีน โดยจะมีการพัฒนาเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพไปยังพื้นที่ภาคใต้อีกส่วนหนึ่งโดยอยู่ในแผนที่พรรคพลังประชารัฐเคยทำเอาไว้สมัยที่เป็นรัฐบาล
ส่วนนโยบายในการดูแลผู้สูงอายุที่เกิดประกาศเอาไว้ มีการปรับปรุงมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะดูแลผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งแม่และเด็กเพื่อที่จะให้แม่และเด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และนโยบายสุดท้ายที่สำคัญ คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งการดูแลความปลอดภัยการท่องเที่ยวที่เป็นแผนหลักที่พรรคพลังประชารัฐเคยทำมาในช่วงแปดปีที่ผ่านมา ซึ่งนโยบายเหล่านี้เป็นนโยบายที่จะสานต่อและมั่นใจว่าผู้สมัครสมาชิกพรรครองประชารัฐสามารถขับเคลื่อนนโยบายได้
ส่วนนโยบายการปราบปรามสแกมเมอร์ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า สมัยพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลเรามีการปราบสแกมเมอร์เป็นหลัก ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ถ้าเราได้เป็นแกนหลักในการจัดตั้งรัฐบาลและมีการดูแลในเรื่องนี้ รับรองว่าปัญหาจะไม่รุกรานบานปลายอย่างเช่น 2-3 ปีที่ผ่านมา