การเมืองไทยต้องเปลี่ยน “เกม” เพื่อเลี่ยงการเป็นชาติที่ล้มเหลว อดีตรมว.อว. ลั่น เราเล่น “เกมผิด” มานานเกินไป
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า การเมืองไทยต้องเปลี่ยน “เกม” เพื่อเลี่ยงการเป็นชาติที่ล้มเหลว
The Infinite Game: บทใหม่ของการเมืองและเศรษฐกิจไทย
ประเทศไทยกำลังเผชิญความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้: เราเล่น “เกมผิด” มานานเกินไป
ในขณะที่โลกเร่งไปด้วยความเร็วของ AI, ภูมิรัฐศาสตร์ที่ปั่นป่วน และการแข่งขันเชิงอารยธรรม — ประเทศไทยกลับวนอยู่ใน “เกมจำกัด” (Finite Game) ที่เน้นผลประโยชน์ระยะสั้น คะแนนนิยมรอบเลือกตั้ง และการซื้อเวลาแบบไม่สร้างความสามารถแข่งขันในระยะยาว
นี่คือแก่นของ Political Dilemma ของไทย: Short-Term Gain / Long-Term Loss —หว่านเงินซื้อปัจจุบัน แลกกับการสูญเสียอนาคต
ผลลัพธ์คือ ประเทศที่เสี่ยงต่อความล้มเหลวเชิงโครงสร้าง — เศรษฐกิจเติบโตช้า ช่องว่างทักษะขนาดใหญ่ สังคมสูงวัยแบบไม่พร้อม และระบบการเมืองที่ไม่สามารถจัดการกับอนาคตได้
หากจะอยู่รอดและยืนหนึ่งในศตวรรษที่ปั่นป่วนนี้ ประเทศไทยต้องเปลี่ยนจากการเล่น “เกมจำกัด” (Finite Game) สู่ “เกมอนันต์” (Infinite Game) —การเมืองที่กล้าลงทุนในสิ่งที่สร้างอนาคต แม้ต้องยอมเจ็บระยะสั้น
~ กับดักเกมจำกัด: ทำไมไทยแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง
การเมืองไทยถูกออกแบบให้คิดปีต่อปี วาระต่อวาระ จึงพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ “เจ็บแต่จำเป็น” และเลือกสิ่งที่ “ง่ายแต่ทำลายอนาคต”
(1) Populism ยุคใหม่ : ได้คะแนนเร็ว แต่ทำลายทุนอนาคต
• แจกเงินแบบไม่ผูกกับการพัฒนาทักษะ
• นโยบายสร้างหนี้แต่ไม่สร้างสินทรัพย์
• เอื้อกลุ่มเฉพาะแบบเบี้ยหัวแตก
→ ประเทศไม่สร้าง Productivity, ไม่พัฒนา Talent, ไม่ยกระดับ Competitiveness
(2) ความกลัวที่ฆ่าการปฏิรูป : นักการเมืองกลัวเสียคะแนนมากกว่ากลัวเสียประเทศ จึงไม่กล้าแตะ
• ปฏิรูปภาษี
• การศึกษา
• ตำรวจ–ยุติธรรม
→ ประเทศจมอยู่กับระบบที่ “แพง-ช้า-ด้อยประสิทธิภาพ”
(3) Infrastructure ของคะแนน ไม่ใช่ Infrastructure ของอนาคต
สนามกีฬา ถนน ตึกอาคาร = จับต้องได้ ตัดริบบิ้นง่าย แต่ไม่มีฐานการแข่งขันของโลกยุคใหม่
• AI Infrastructure
• Digital Public Goods
• Talent Infrastructure
→ประเทศยังพัฒนาแบบศตวรรษที่ 20 เพื่อรับความท้าทายของศตวรรษที่ 21
~ สูตรใหม่ของไทย: Short-Term Loss / Long-Term Gain
ประเทศที่ประสบความสำเร็จทั้งหมดเล่นเกมเดียวกัน คือ ยอมเจ็บวันนี้ เพื่อชนะในอีก 20–30 ปี นี่คือหัวใจของ “Infinite Game”
ตัวอย่างจริงจากโลก และบทเรียนที่ไทยทำตามได้ทันที
1. สิงคโปร์: ลงทุนเกินปีเลือกตั้ง (Beyond Election Cycle) โดยลงทุนใน
• ระบบการศึกษาใหม่
• Digital State
• Public Health 4.0
แม้ประชาชนต้องปรับตัว เจ็บระยะสั้น แต่ได้ประเทศที่มั่นคง แข่งขันได้ และเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
2. ฟินแลนด์: Education Reform ที่เจ็บแต่คุ้ม ลดวิชาท่องจำ เพิ่ม Active Learning + AI Learning ใช้เวลา 10 ปีเห็นผล แต่กลายเป็นระบบการศึกษายอดเยี่ยมของโลก
3. เกาหลีใต้: วิจัย-นวัตกรรมที่เริ่มต้นจากความไม่เข้าใจ ถูกด่าว่า “เปลืองงบ ไม่เห็นผล” แต่สุดท้ายคือรากฐานของ Samsung, LG, Hyundai
4. เดนมาร์ก: Tax Reform ที่ยุติธรรมกว่า เจ็บตอนแรก แต่ทำให้รัฐเข้มแข็ง ประชาชนไว้วางใจ กลายเป็นประเทศมีทุนสาธารณะเพื่อสร้างอนาคต
5. Anti-Scamocracy: เจ็บนักการเมืองบางกลุ่ม แต่คุ้มทั้งประเทศ ด้วย
• API งบประมาณ
• ระบบเลือกตั้งโปร่งใสแบบ Digital Trail
• AI-Driven Integrity
ทำให้ “โกงยาก คอร์รัปชันแพง” คือรากฐานของรัฐสมัยใหม่ในศตวรรษที่ 21
~ Infinite Game: การเมืองที่เลือกสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ง่าย
ประเทศไทยจะออกจากกับดักปัจจุบันได้ เมื่อเรากล้าถามคำถามใหม่ว่า: “สิ่งนี้จะทำให้ประเทศไทยแข็งแกร่งขึ้นในอีก 20 ปีหรือไม่?”
นี่คือแก่นของ
• Principled Pragmatism → ปฏิบัตินิยมที่ยืนบนหลักการ ไม่ใช่ปฏิบัตินิยมแบบไร้เข็มทิศ
• Techno-Moral Discipline → ใช้เทคโนโลยีอย่างมีวินัยและมีคุณธรรม
• Civilizational Leadership → ผู้นำที่สร้างอนาคต ไม่ใช่แค่เอาตัวรอดในปัจจุบัน
ผู้นำยุคใหม่ต้องกล้ายอมเสียคะแนนวันนี้ เพื่อรักษาประเทศในวันหน้า
~ บทสรุป: ประเทศไทยต้องเลือกว่าจะเป็นผู้เล่นเกมสั้น หรือผู้สร้างเกมยาว
เกมสั้นให้ความสุขแค่ช่วงเลือกตั้ง เกมยาวให้อนาคตกับทั้งประเทศ
ประเทศที่อยู่รอดในยุคภูมิรัฐศาสตร์ป่วน เทคโนโลยีเร่ง และสงครามอารยธรรม ไม่ใช่ประเทศที่ “แจกเก่ง” แต่คือประเทศที่ลงทุนในสิ่งที่สร้างความแข็งแกร่งระยะยาว
ประเทศไทยต้องเลือกว่าจะยังแพ้ด้วยเกมสั้น หรือชนะด้วยเกมยาว
นี่คือ “บทใหม่” ที่กำลังรอให้การเมืองไทยเขียนขึ้น—บทของ The Infinite Game บทของประเทศที่กล้าเจ็บวันนี้ เพื่อยืนหนึ่งในวันข้างหน้า