ประชุมล่ม "แก้รธน." ไปไม่ถึงโหวต "โฆษกกมธ." แถลงถามหาความรับผิดชอบ-วุฒิภาวะ ปัดมองเป็นประเด็นการเมือง ด้าน "สส.ปชน." ยอมรับมีความเห็นต่าง ปม สสร.-กมธ.ร่างรธน. หาฉันทามติร่วมกันไม่ได้
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ที่มีนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธานกมธ. ซึ่งกำหนดวาระประชุมเพื่อลงมติตัดสินในเนื้อหาของร่างมาตรา 256/1 ว่าด้วยองค์กรที่มีหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่าจะให้มี เฉพาะคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น หรือให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเริ่มประชุม เวลา 09.30 น. พบว่าที่ประชุมสามารถเปิดประชุมและให้กมธ.ที่เสนอแนวทางต่างๆ ได้นำเสนอแนวคิดและรายละเอียดให้กมธ. ได้พิจารณาและซักถามในรายละเอียดต่างๆ อย่างไรก็ดีหลังจากที่ที่ได้อภิปรายเนื้อหาเสร็จสิ้นจนถึงเวลา 12.00 น. แล้ว ประธานในที่ประชุมระบุว่าให้มีการลงมติตัดสินเพื่อให้ได้พิจารณาในเนื้อหาอื่นต่อไป แต่ปรากฎว่าก่อนลงมติต้องตรวจสอบองค์ประชุม แต่พบว่า มีกมธ.อยูในห้องประชุมเพียง 20 คนจากกมธ.ทั้งสิ้น 43 คน จึงถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ต้องปิดประชุม และนัดประชุมใหม่ในวันที่ 12 พ.ย. เวลา 09.30 น. โดยกำหนดให้นัดลงมติทันที
ทั้งนี้เมื่อเวลา 13.00 น. นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ฐานะโฆษก กมธ. แถลงว่า เสียดายที่กมธ.ไม่สามารถเดินหน้าลงมติตัดสินใจประเด็นที่เป็นหัวใจของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เนื่องจากกมธ.ไม่ครบองค์ประชุม ดังนั้นตนขอเรียกร้องให้ กมธ.มีความรับผิดชอบต่อการทำหน้าที่ในกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดีตนเข้าใจว่า กมธ.อาจมีภารกิจในพื้นที่ แต่การอาสาตัวเข้ามาทำหน้าที่ควรให้ความสำคัญ ทั้งนี้กมธ.พยายามเร่งทำงานให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่าเหตุที่มีปัญหาองค์ประชุมเพราะมีกมธ.วอร์กเอาท์ใช่หรือไม่ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้สังเกต จึงไม่ชัดเจนว่าเป็นการวอร์กเอาท์หรือไม่ แต่ก่อนลงมติได้ตรวจสอบองค์ประชุม พบว่ามีองค์ประชุมเพียง 20 คน ขาดไปเพียง 2 คนเท่านั้น
“การทำงานของกมธ.ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกัน ยอมรับว่าอาจเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นจึงใช้พื้นที่ของกมธ.พูดคุยเพื่อตกผลึกร่วมกัน ซึ่งไม่ได้บังคับให้ลงมติ แต่หากมีส่วนไหนที่ยังไม่ตกผลึก ยังสามารถคุยกันได้ และควรใช้เวทีกมธ.คุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ” นายนรเศรษฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่าหากการนัดลงมติรอบหน้าการประชุมยังล่มอีกจะกระทบไทม์ไลน์การทำงานหรือไม่ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า หากกมธ.ยังมีข้อกังวล วิธีที่ดีที่สุดคือ ใช้พื้นที่กมธ. แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งนี้มีหลายวิธีที่จะผลักดันให้การทำงานเดินหน้าหากตั้งใจผลักดันอย่างแท้จริง ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นเรื่องการเมือง ดังนั้นจึงขอเรียกร้องความรับผิดชอบ อย่างไรก็ดียังมั่นใจว่าการทำงานยังคงเป็นไปตามกรอบเวลาเดิม เพราะยังมีเวลาพูดคุย แต่ประธานกมธ. บอกไว้ว่าในการประชุม 3 วันต่อสัปดาห์ควรใช้ให้เต็มที่ และตนมองว่าหากสามารถหาฉันทามติในประเด็นหลักได้ รายละเอียดอื่นๆจะเดินหน้าได้ แต่หากมีประเด็นที่ต้องพูดคุยสามารถขยับไทม์ไลน์ได้
ขณะที่น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ฐานะโฆษก กมธ. กล่าวว่า กมธ.ได้นัดประชุม 09.30 น. เพื่อให้กมธ.เสนอแนวทางส่วนของผู้จัดทำรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีหลายแนวทาง ทั้งนี้ได้นัดลงมติ 12.00 น. แต่เมื่อถึงเวลาพบว่าไม่สามารถลงมติได้ โดยยอมรับว่ามีประเด็นที่แตกต่างหลากหลาย ทำให้ไม่สามารถหาฉันทามติได้ว่ารูปแบบใดที่จะได้รับการยอมรับมากที่สุด ส่วนกมธ.ที่ไม่อยู่ในห้องประชุมนั้นมาจากหลากหลายส่วน ซึ่งตนมองว่าวาระสำคัญแบบนี้ถ้าองค์ประชุมไม่ครบอาจมีปัญหาในอนาคต เพราะหากลงมติแล้วเสียงปริ่มน้ำก็อาจจะเกิดปัญหา จึงจำเป็นต้องปิดการประชุมแล้วนัดพิจารณาใหม่ในวันที่ 12 พ.ย.
เมื่อถามว่ารัฐบาลต้องมีส่วนในความรับผิดชอบด้วยหรือไม่ น.ส.พนิดา กล่าวว่า “กมธ.ทุกคนมีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และเป็นความคาดหวังของประชาชน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่”
ทางด้านนายเอกพร กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ที่กมธ.ลงมติไม่ได้ เป็นเพราะสภาพแวดล้อม มีกมธ.ส่วนหนึ่งติดภารกิจที่ต่างประเทศ และสส.ต้องลงพื้นที่ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่ามีใครไม่อยากลงมติ หรือเล่นเกมการเมือง แต่การทำงานของกมธ. ที่พิจารณาประเด็นว่า จะให้มีองค์กรทำรัฐธรรมนูญใหม่แบบใด ระหว่าง เป็นไปตามร่างหลักของพรรคประชาชน กับ การมี สสร. เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาออกแบบให้มีคุณภาพ