ศึกชิงเก้าอี้ประธาน กมธ.แก้ รธน. ดุเดือด "เพื่อไทย" วืดตำแหน่งสำคัญ หลัง "ณัฐวุฒิ" จากพรรคประชาชน ได้รับความไว้วางใจจากเสียงส่วนใหญ่
เวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 156 มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 มีการประชุมครั้งแรก ที่มี นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมชั่วคราว เพื่อพิจารณาตำแหน่งต่างๆในกมธ. ซึ่งการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งประธานกมธ.นั้น มีกมธ.เสนอชื่อชิงตำแหน่ง 2 คน โดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ขณะที่ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
โดยเป็นการลงคะแนนลับในใบลงคะแนน ในท้ายที่สุดที่ประชุมเสียงข้างมากเลือก นายณัฐวุฒิ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกมธ. ทั้งนี้มีรายงานว่า คะแนนห่างกันประมาณ 10 คะแนน
จากนั้นที่ประชุมยังได้เลือกตำแหน่งรองประธานกมธ.ทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคภูมิใจไทย เป็นรองประธานคนที่ 1, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นรองประธานคนที่ 2 และ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว. เป็นรองประธานคนที่ 3 ขณะที่ นายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาชน เป็นเลขานุการฯ
ส่วนโฆษกกมธ.มีทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย 1.นายนรเศษฐ์ ปรัชญากร ส.ว. 2.นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงษ์ ส.ว. 3.น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน และ 4.นายเอกพร รักความสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
เมื่อเสร็จสิ้นวาระการเลือกตำแหน่งต่าง ๆ ที่ประชุมได้พิจารณาถึงกรอบระยะเวลาการประชุมต่อ เพื่อกำหนดวันประชุมต่อไป โดยจะเริ่มประชุมในวันพุธที่ 22 ตุลาคม เวลา 09.00 น. และในสัปดาห์ถัดไปจะนัดประชุมทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี โดยเริ่มประชุมในเวลา 09.00 น.เป็นต้นไป ในทุกสัปดาห์ก่อนจะปิดสมัยการประชุมสภาในวันที่ 31 ตุลาคมนี้
กมธ.แก้รธน. ตั้งคณะทำงานศึกษาข้อเห็นต่างก่อนชงชุดใหญ่
ต่อมาคณะโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 156 มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 แถลงภายหลังการประชุม โดย น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษก กมธ. กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณากรอบการประชุมว่าช้าที่สุดจะไปถึงวันไหน และกำหนดวันประชุม เนื่องจากเรามีข้อจำกัดเรื่องเป้าหมายที่อยากทำให้เสร็จในสมัยประชุมนี้ ทำให้เวลาค่อนข้างจำกัด โดยที่ประชุมได้มีข้อสรุปให้มีการตั้งคณะทำงานซึ่งจะมีทั้ง ส.ส. ส.ว.และกฤษฎีกา รวมทั้งผู้เสนอทั้ง 3 ร่างเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อให้ได้ข้อสรุปในประเด็นที่มีข้อสงสัย หรือประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม เป็นการทำงานร่วมกันเพื่อให้การประชุมรวดเร็วขึ้นก่อนที่จะเสนอกมธ.ชุดใหญ่
น.ส.พนิดา กล่าวต่อว่า โดยในวันที่ 22 ต.ค.นี้ จะเป็นการประชุมในช่วงเช้า เป็นการกำหนดสาระสำคัญหลักๆ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดในรายมาตรา เพราะรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาที่สำคัญมากที่ยังมีความไม่เข้าใจตรงกันในหลายๆ เรื่อง ทั้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเจตนารมณ์หลักของแต่ละร่างที่เราต้องมาพิจารณากัน และในสัปดาห์ถัดไปจะประชุม 2 วันคือวันพุธและพฤหัสบดี
ด้านนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร ส.ว.ในฐานะโฆษก กมธ. กล่าวว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีการพูดถึงกระแสข่าวว่าจะมีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการคุยเรื่องของกรอบการทำงานและกรอบแนวทางของการพิจารณาร่างกฎหมาย โดยที่ประชุมกำหนดการประชุมแค่ช่วงปิดสมัยประชุมคือวันที่ 30 ต.ค.นี้ ส่วนประเด็นคำถามต่างๆ น่าจะมีการพูดคุยกันในการประชุมครั้งถัดไป อย่างไรก็ตามในส่วนของเนื้อหาเรื่องของเนื้อหาและกระบวนการไม่ว่าเป็นฝ่ายไหนที่ยังมีความกังวลใจ ในกมธ.ฯและคณะทำงานก็อาจจะต้องไปทำการบ้าน และมีการสื่อสารไปถึงสมาชิกรัฐสภาทุกคน เพราะทุกคนต้องมีความเข้าใจเนื้อหาของร่างก่อนที่จะมีการโหวตในวาระ 2 และ 3
"มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาเฉพาะวาระ 2 เพราะหากรอเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธ.ค. อาจจะไม่ทัน ดังนั้นเมื่อเปิดสมัยประชุมแล้วก็จะพิจารณาเฉพาะวาระ 3 อย่างเดียว"นายนรเศรษฐ์ กล่าว
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ ส.ว.ในฐานะโฆษก กมธ.กล่าวว่า กรณีที่มีความกังวลในการเรื่องการโหวตวาระ 3 นั้น คงต้องดูว่าร่างที่จะผ่านในวาระ 2 เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องดูในการประชุมกมธ.ฯ ก่อน ว่าหน้าตาของร่างจะออกมาเป็นอย่างไร