เพื่อไทยเปิดศึกประชาชน ชิงเก้าอี้ประธาน กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ "ณัฐวุฒิ" ปะทะ "ชูศักดิ์"  

เพื่อไทยเปิดศึกประชาชน ชิงเก้าอี้ประธาน กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ
พรรค ปชน.จ่อเสนอชื่อ "ณัฐวุฒิ บัวประทุม" เป็นประธานกมธ.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อไทยฮึดสู้ ส่ง  "ชูศักดิ์" เข้าชิง  ด้าน อดีตกกต. เตือน พรรคส้มอย่าเพิ่งชะล่าใจจะชนะเกมแก้รธน. 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมรัฐสภา มีมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งแรกสัปดาห์หน้า

พรรคประชาชน มีแผนจะเสนอชื่อ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ เนื่องจากร่างของพรรคประชาชนถูกกำหนดให้เป็นร่างหลักในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ โดยหลังจากนี้ พรรคประชาชน จะเดินหน้าทำงานเต็มที่ และแสวงหาความร่วมมือกับทุกฝ่ายในชั้นคณะกรรมาธิการ เพื่อให้ได้มาซึ่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตอบโจทย์ประชาชนมากที่สุด

ทางด้านพรรคเพื่อไทยมีรายงานว่า เตรียมส่งนายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  แกนนำพรรคเข้าชิงเช่นเดียวกัน 

ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (อดีต กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก "ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร" หัวข้อ "ร่างหลัก แล้วอย่างไร" ระบุว่า...

ร่างหลัก แล้วอย่างไร

รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การจับมือแสดงความดีใจที่ สส. พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ร่วมมือกันในการโหวตเอาชนะ พรรคภูมิใจไทยและสมาชิกวุฒิสภา ในการลงคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อ จนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนถูกใช้เป็นร่างหลักในวาระสองและสามของการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วอย่างไรต่อ

ในวาระสอง ที่เป็นการพิจารณาแปรญัตติรายมาตรา ก็จะเรียงตามมาตราของร่างพรรคประชาชนและอาศัยโครงสร้างการออกแบบของพรรคประชาชนเป็นหลัก ที่ประชุมสามารถตกแต่งแก้ไขได้ แต่ยากที่จะพลิกกลับเป็นโครงสร้างการออกแบบตามร่างของพรรคภูมิใจไทย ยิ่งภายใต้องค์ประกอบกรรมาธิการที่มีเสียงพรรคประชาชนรวมกับเพื่อไทยและฝ่ายค้านที่เหลือมีมากกว่าฝายรัฐบาลแม้รวมกับ สว. แล้วก็ตาม

หมายความว่า ผลผลิตการทำงานของกรรมาธิการก็น่าจะมีหน้าตาของ สสร. ตามที่ พรรคประชาชนโดยความร่วมมือของพรรคเพื่อไทยต้องการ เข้าสู่การลงมติรายมาตราในวาระที่สอง และลงมติทั้งฉบับในวาระที่สามในที่ประชุมรัฐสภา

การลงมติในวาระที่สอง ยังอาจผ่านไปได้โดยอาจชนะหรือแพ้ในบางมาตราหากมีการสงวนคำแปรญัตติและฝ่ายข้างน้อยมาชนะในที่ประชุมใหญ่ แต่สิ่งที่น่ากลัวสุดคือ การลงมติรับหรือไม่รับทั้งฉบับในวาระที่สาม

มาตรา 256(ของรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุว่าการลงมติในวาระที่สาม นอกจากได้รับเสียงข้างมากของที่ประชุมรัฐสภาแล้ว ยังต้องได้เสียงจาก สว. จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม หรือ เกินกว่า 66 เสียงด้วย

คงยังจำบทเรียนเรื่องการลงมติไม่รับหลักการร่างของพรรคเพื่อไทยในวาระที่หนึ่ง ที่มี สว. เห็นชอบเพียง 60 เสียงจนร่างตกไปทั้งร่างได้นะครับ

เดาว่า วันเลือกตั้ง อาจมีคำถามประชามติเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เพียงข้อแรกเพียงข้อเดียว ว่าเห็นชอบหรือไม่ ส่วนคำถามที่สองเกี่ยวกับวิธีการแก้และสาระสำคัญของสิ่งที่แก้ยังหาข้อสรุปไม่ได้

ตอนนั้น ไม่รู้ว่า เป็นเสียงหัวเราะของใคร
 

TAGS: #แก้ไขรัฐธรรมนูญ # ประธานกมธ. #พรรคเพื่อไทย #พรรคประชาชน #ณัฐวุฒิ #ชูศักดิ์