“แพทองธาร” ปลุกใจกลางเวที “เลือดเพื่อไทยไม่มีวันเหือดแห้ง” ประกาศยกเครื่องพรรค-ยกเครื่องประเทศ เปิดตัวผู้สมัครล็อตแรก 185 คน ตั้ง “สุริยะ” คุมศึกเลือกตั้ง เปิดตัว Moonshot Forum สร้างนโยบายใหม่
พรรคเพื่อไทยจัดงานใหญ่ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” ณ สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย เพื่อแสดงความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้หลังการยุบสภา พร้อมเปิดผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส. จากทั่วประเทศล็อตแรก จำนวน 185 คน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์สำคัญ ภายใต้หัวข้อเดียวกับชื่องาน โดยกล่าวปราศรัยต่อหน้าผู้บริหาร สมาชิกพรรค และผู้สมัครอย่างเข้มข้น ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่เผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การกลับมายืนบนเวทีใหญ่ในรอบเดือนเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงมากมาย “วันนี้ได้กลับมามองหน้ากันด้วยใจถึงใจอีกครั้ง ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงมากมายทางการเมือง รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำไม่ได้ไปต่อ ดร.ทักษิณเข้าสู่เรือนจำ การเลือกตั้งซ่อมเชียงรายเราชนะ แต่ที่ศรีสะเกษเราแพ้”
แม้พรรคจะเผชิญความยากลำบาก แต่ยังคงยึดมั่นในความเชื่อเดิมว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ ทุกประสบการณ์สอนให้เราเรียนรู้ เพื่อก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็งกว่าเดิม” และประกาศอย่างมั่นใจว่า “ยาแรงในวันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เรากลับไปยิ่งใหญ่เหมือนจุดเริ่มต้นของเราในยุคไทยรักไทย” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังกล่าวอีกว่า หลายคนประเมินว่าพรรคเพื่อไทยมาถึงทางตันแล้ว เลือดกำลังไหลจนหมดสิ้น แต่ขอยืนยันว่าไม่มีทางเป็นแบบนั้น เลือดเพื่อไทยจะไม่มีวันเหือดแห้ง เราทุกคนอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ แต่เพราะเราเชื่อเหมือนกัน เราคือพรรคเพื่อไทย
น.ส.แพทองธารชี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทย มักสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ทุกครั้งที่พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นได้ ประเทศไทยก็มักจะมีพลังใหม่ที่รุ่งโรจน์ตามไปด้วย การยกเครื่องพรรคเพื่อไทย จึงมีนัยสำคัญต่อการยกเครื่องประเทศไทย
น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยจะต้อง สรุปบทเรียนและเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างจริงจัง เพื่อสร้างพรรคการเมืองที่ทำให้ประเทศไทยในฝันเกิดขึ้นได้จริง” พร้อมประกาศว่า "ถ้าเราสามารถเปลี่ยนพรรคเพื่อไทยได้ เราก็สามารถเปลี่ยนประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน"
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยประกาศ “การยกเครื่องโครงสร้างพรรค” โดยระบุชัดว่า อำนาจการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของพรรค อยู่ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ไม่มีเส้นทางลัด ไม่มีเส้นทางอ้อมอีกต่อไป พร้อมอธิบายต่อว่า โครงสร้างใหม่นี้จะปลดล็อกศักยภาพของสมาชิกทุกคน เปิดทางให้เกิด “การนำแบบรวมหมู่” ที่รวดเร็ว โปร่งใส และกระจายอำนาจไปยังคณะกรรมการภาคทั้ง 5 ภูมิภาค เพื่อให้พรรคขับเคลื่อนอย่างมีส่วนร่วมทั่วประเทศ
หัวหน้าพรรคย้ำว่า “โครงสร้างใหม่นี้ไม่ใช่เพียงวาดบนกระดาน แต่ทุกคนจะมีอำนาจตัดสินใจในส่วนที่รับผิดชอบ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเดินไปข้างหน้าด้วยเอกภาพ” และยังเปิดเผยอีกว่า โครงสร้างใหม่ของพรรคเพื่อไทย ออกแบบขึ้นจากบทเรียนในอดีต ยอมรับว่าโครงสร้างเก่าที่ไม่ชัดเจน ทำให้การทำงานหลายอย่างติดขัด จึงถอดบทเรียนจากโครงสร้างองค์กรพรรคการเมืองต่างๆ และทำงานในรูปแบบใหม่มาระยะหนึ่ง จนมั่นใจว่าโครงสร้างใหม่นี้มีเอกภาพ มีประสิทธิภาพ และสร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
โดย คณะกรรมการบริหารพรรค จะได้รับคำปรึกษาจากคณะกรรมการที่ปรึกษา 2 คณะ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ และ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการเมือง ซึ่งทั้งหมดนี้คือ “สมองและประสบการณ์” ที่จะช่วยส่งเสริมให้พรรคก้าวเดินอย่างมั่นคง
น.ส.แพทองธารเปิดเผยต่อว่า พรรคเพื่อไทยได้เปิดระบบรับสมัครผู้ร่วมอุดมการณ์จากทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ “นี่คือครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยเปิดพื้นที่ใหม่อย่างโปร่งใส” โดยข้อมูลผู้สมัครจะส่งตรงไปยังคณะกรรมการภาคทั้ง 5 ภูมิภาค หลายคนมีศักยภาพและอุดมการณ์แบบเพื่อไทย แต่ไม่รู้จะเข้ามาอย่างไร วันนี้เราพร้อมแล้ว และยังกล่าวถึงเวที YPP (Young Pheu Thai Platform) สำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาฝึกฝน เรียนรู้แนวคิดแบบพรรคเพื่อไทย ก่อนก้าวสู่สนามการเมืองจริง
ขณะที่อีกหนึ่งนวัตกรรมทางนโยบายของพรรค คือการตั้ง Moonshot Forum ซึ่งแพทองธารอธิบายว่า “นี่ไม่ใช่แค่เวทีพูดคุย แต่คือพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดที่มีเป้าหมายใหญ่และท้าทาย เหมือนโครงการ Apollo 11 ที่ส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ Moonshot Forum จะเริ่มต้นที่สำนักงานใหญ่ในเดือนตุลาคมนี้ ก่อนขยายสู่ทุกภูมิภาค เพื่อระดมความคิดจากประชาชนและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา นำไปสู่การออกแบบนโยบายใหม่ของพรรคโดยตรง
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยระบุว่า พรรคเตรียมเสนอชุดนโยบายใหม่ที่ “ถอดบทเรียนจากสองปีที่ผ่านมา” โดยเฉพาะการ ยกเครื่องระบบราชการ ซึ่งเธอย้ำว่า “ข้าราชการจำนวนมากเก่งและมีใจ แต่ระบบกลับไม่ปลดปล่อยศักยภาพของเขา เราจะเปลี่ยนค่านิยมจาก ‘ไม่ทำก็ไม่ผิด’ ไปสู่ ‘ทำเต็มที่เพื่อประชาชน’ และทำให้ข้าราชการภูมิใจที่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศ”
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังพูดถึงแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจใหม่ เช่น การยกเครื่องเศรษฐกิจสุขภาพ ตั้ง “สำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพแห่งชาติ” เพื่อเป็นหน่วยงานระดับยุทธศาสตร์, การยกเครื่องอุตสาหกรรมเกษตร , จาก “ครัวไทยสู่ครัวโลก” สู่ “อาหารไทยสู่อาหารโลก” ผลักดันสินค้า SME ไทยสู่ซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วโลก, การยกเครื่องอุตสาหกรรมอัญมณี จากมูลค่าปัจจุบัน 5 แสนล้านบาท เป็น 1 ล้านล้านบาท ผ่านการ upskill-reskill ช่างฝีมือ
ในช่วงท้ายของการปราศรัย น.ส.แพทองธารประกาศแต่งตั้ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรค และยืนยันความพร้อมเต็มที่สำหรับศึกเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือน พร้อมประกาศว่า "ไม่ว่าจะอีก 2 เดือน หรือ 4 เดือน พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว"
พร้อมเผยว่า พรรคจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบทั้งสามราย “และจะเปิดตัวพร้อมกันในเวลาที่เหมาะสม มั่นใจว่าจะถูกใจพี่น้องประชาชนทุกระดับ”
ก่อนปิดเวที หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้กล่าวขอบคุณผู้สมัครล็อตแรกทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ว่า “นี่ไม่ใช่แค่โอกาสในการลงสมัคร ส.ส. แต่คือโอกาสที่จะพิสูจน์ศักยภาพตัวเอง และเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในฐานะนักการเมืองที่ทำงานเพื่อประชาชน”
พร้อมทิ้งท้ายว่า “การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง จะเป็นบทพิสูจน์ว่าพรรคเพื่อไทยยังคงเป็นความหวังของประชาชนได้หรือไม่ ดิฉันสัญญาว่าจะทุ่มเทอย่างถึงที่สุด เพื่อให้พรรคของเรากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”