"จาตุรนต์" ชี้รัฐบาลที่มาจาก MOA กำลังสร้างปัญหาใหญ่ รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่เข้าใจโจทย์เร่งด่วนประเทศ ทั้งเศรษฐกิจตกต่ำ หนี้ครัวเรือนสูง เกษตรกรเดือดร้อน เชื่อทำไม่ได้ใน 4 เดือน ห่วงประเทศพัง
ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญเป็นวันที่ 2 โดยเวลา 16.50 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนเคยอภิปรายนโยบายมาหลายสมัย ในฐานะผู้ชี้แจงก็หลายครั้ง ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาอาจจะคล้ายไปเหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยผู้นำฝ่ายค้าน ไม่ได้อภิปรายนโยบายหรือบุคคลเลย แต่ชี้แจงว่าเหตุใดถึงได้สนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกจากรัฐบาลที่มาจาก MOA
และตนเคยอภิปรายจากตอนเลือกนายกฯว่า รัฐบาลจาก MOA แบบนี้จะนำไปสู่ปัญหา มีทั้งความรับผิดชอบ ปัญหาการตรวจสอบถ่วงดุล หรือการจะได้รัฐมนตรี นโยบาย มาอย่างไรก็ไม่รู้ ผู้ที่ไปทำ MOA ก็ไม่ได้ไปร่วมพิจารณาด้วย ระวังจะเกิดปัญหาในบารมีและไปแทรกแซงองค์กรอิสระต่างๆ ครอบงำระบบ และอาจจะไม่ได้นำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ได้ หากไม่ได้ตรวจสอบการดีๆ
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลนี้ถ้าดูจากนโยบายแล้วไม่เข้าใจโจทย์เร่งด่วนสำคัญของประเทศ นั่นคือเศรษฐกิจไทยจะโตไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์อย่างต่อเนื่อง การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เกษตรกรตกต่ำ ภาษีทรัมป์ ที่สำคัญคือไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางปัญหาแบบนี้ ประเทศไทยต้องอยู่ตรงไหนในการค้าโลก
โดยปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวไม่ทันโลก หากไม่ต้องมีมาตรการละเอียด แต่ต้องมีผู้นำรัฐบาลแสดงวิสัยทัศน์ให้ได้ว่า เราต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อให้เข้ากับความผันผวนของโลก หรือเพื่อให้เข้ากับการที่ประเทศไทยเจอปัญหามายาวนาน และมีหลายเรื่องที่ไม่มีทางทำได้ใน 4 เดือน
ความสับสนของนโยบายเกิดจากการที่ MOA ชุดนี้ เกิดความสับสนว่ารัฐบาลจะบริหารประเทศหรือไม่บริหารประเทศ เพราะไปบอกว่ามาเพื่อยุบสภาไม่ต้องบริหารประเทศ แต่เมื่อเขียนนโยบาย รัฐมนตรีก็ให้ข้าราชการช่วยกันเขียนส่งมาไม่มีการคุยกันระหว่างพรรคการเมือง ไม่มีการหารือกันจริงจัง
นอกจาก MOA แล้ว พอตอนร่วมรัฐบาลกันจริงไม่ได้คุยกันว่านโยบายสำคัญต้องการมีอะไร ให้เป็นเรื่องของกระทรวงเสนอกันมา จึงกลายเป็นลักลั่น มีนโยบายประเภทที่ 4 เดือนไม่มีทางทำได้ แต่ก็เขียนเน้นอยู่ในนโยบาย รัฐมนตรีมาก็ยิ่งย้ำเข้าไปอีก
นโยบายเหล่านั้นเหมาะสำหรับทำ 4 ปี แต่ท่านมาพูดในบริบทที่รัฐบาลนี้อยู่ใน 4 เดือน ทั้งออกกฎหมายเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม ปรับปรุงธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น และทราบหรือไม่ว่าการออกกฎหมายแต่ละฉบับใช้เวลาเท่าไหร่ และมีอยู่ในคิวเท่าไหร่
นอกจากนี้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาที่ตกไปในสภาชุดที่แล้ว ตอนนี้ยังไม่มีแต่ท่านเขียนว่าจะปฏิรูปกฎหมายการศึกษา นั่นคือไม่เข้าใจสภาพความเป็นจริงเลย ส่วนที่ดูเหมือนจะทำได้และมีประโยชน์แต่จะเห็นผลทันจริงแค่ไหนคือเรื่องคนละครึ่ง นอกนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน ไม่มี
เรื่องที่เกี่ยวกับชายแดนใน 4 เดือน ท่านประกาศนโยบายแบบนี้เป็นเรื่องล่อแหลมมาก คือการทำประชามติ MOU ไทยกัมพูชา ซึ่ง 4 เดือนนี้ท่านจะชี้แจงข้อมูลประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน เพราะกฎหมายประชามติบอกว่าต้องรณรงค์ได้ ซึ่งการประชุมเรื่อง MOU ในสภาแห่งนี้ทำมาหลายครั้งแต่เป็นการประชุมลับ เพราะกลัวข้อมูลจะไปถึงฝ่ายกัมพูชาจะรู้ว่าไทยคิดอย่างไร
ต่อไปนี้จะทำประชามติในบรรยากาศที่ประชาชนยังมีความรู้สึกโกรธแค้น ไม่พอใจ แล้วไม่มีใครศึกษาอย่างจริงจัง เสี่ยงต่อการที่จะเกิดความเสียหายอย่างมาก 4 เดือนนี้ท่านเตรียมการอะไรมากแค่ไหน และเตรียมรับผลที่จะเกิดแค่ไหน
“ขณะนี้ระบบรัฐสภารวน รัฐบาลที่ได้มาโดยอาศัยช่องว่างจากการที่พรรคสนับสนุน เขาไม่เป็นรัฐมนตรี และตั้งกันตามใจชอบ เอาคนมีบาดแผลเต็มไปหมดไม่มีความน่าเชื่อถือ และยังไม่มีระบบการตรวจสอบที่น่าเชื่อถือด้วย บ้านเมืองจะเดินไปอย่างนี้
นี่คือสิ่งที่เราเป็นห่วงที่เราจะต้องตรวจสอบกันต่อไปว่าทำอย่างไรไม่ให้ประเทศนี้ นอกจากไม่เดินไปสู่ประชาธิปไตยแล้ว จะไม่เดินไปสู่ความเสียหายใหญ่หลวง หายนะทั้งหลายทั้งปวง ดังที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยอภิปรายมา 2 วัน” นายจาตุรนต์ กล่าว