รมช.คลัง "วรภัค" โต้กลับกลางสภา หลังถูกพาดพิงโยงทุนต่างชาติ ยืนยันทำงานกว่า 30 ปีไร้รอยด่างพร้อย ซื้อขายหุ้นฟินันซ่าถูกต้องตามกฎหมาย ลั่น ครม.เศรษฐกิจไม่สนับสนุนฟอกเงินหรือธุรกรรมผิดกฎหมายใด ๆ
ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาล นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงหลังถูกนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน พาดพิงถึงกรณีการอ้างชื่อเกี่ยวโยงทุนต่างชาติ โดยยืนยันว่า ตนทำงานกว่า 30 ปี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารธนาคารระดับโลกหลายแห่ง รวมถึงธนาคารกรุงไทย
นายวรภัค อธิบายว่า การซื้อหุ้นฟินันซ่า 29.9% เมื่อปี 2564 เป็นการทำธุรกรรมถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านการอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์ และได้ขายหุ้นออกไปแล้วเมื่อปลายปี 2567 ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ถูกกล่าวหา พร้อมย้ำว่า ครม.เศรษฐกิจไม่สนับสนุนธุรกรรมที่ผิดกฎหมายหรือฟอกเงินอย่างเด็ดขาด
ด้านนายวิโรจน์ อภิปรายตั้งข้อสงสัยกรณีทุนต่างชาติพยายามซื้อหุ้น บางจาก คอร์เปอเรชันฯ มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท โดยเชื่อมโยงเส้นทางไปถึงเครือข่ายของ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ นักลงทุนต่างชาติที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีเอี่ยวกับทุนสีเทาและขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งต่อเศรษฐกิจไทยและประชาชนจำนวนมาก
วิโรจน์ยังชี้ว่า เบนจามินมีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองทั้งไทยและกัมพูชา ปรากฏภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อีกทั้งมีรายงานว่าได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของสมเด็จฮุน เซน โดยตรง รวมถึงมีเครือข่ายครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับการลงทุนในไทย ทำให้เกิดคำถามถึงความเชื่อมโยงเชิงผลประโยชน์
พร้อมกันนี้ วิโรจน์ยังโยงถึงกรณีแพลตฟอร์มคริปโต คูคอยน์ ที่เคยถูกปรับในสหรัฐฯ แต่เข้ามาลงทุนในไทย อาจถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน หากผูกโยงเข้ากับโครงการรัฐ เช่น พันธบัตรดิจิทัล ขณะที่บางจากฯ เองก็กำลังขยายธุรกิจร่วมกับเชฟรอนในพื้นที่อ่าวไทยที่ทับซ้อนกับ MOU 44 ซึ่งมีมิติด้านความมั่นคงเกี่ยวพัน
ในการอภิปราย ส.ส.เพื่อไทยลุกประท้วงปกป้องพรรค ด้านฝ่ายค้านย้ำว่าเป็นข้อสงสัยเพื่อให้หน่วยงานตรวจสอบ ไม่ใช่ข้อกล่าวหายืนยัน พร้อมเตือนว่าหากปล่อยทุนสีเทาแทรกซึม อาจไม่เพียงทำลายระบบเศรษฐกิจ แต่ยังบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ
วิโรจน์ปิดท้ายด้วยการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างจริงจัง และเข้าร่วมอนุสัญญาต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยกลายเป็น “สวรรค์ของมาเฟียข้ามชาติ”