"รองนายกฯ สุชาติ ชมกลิ่น" เคลียร์ปมตึก SKYY9 ชี้ถูกตรวจเข้มกว่า 10 หน่วยงาน ย้ำ "สะอาด–บริสุทธิ์" พร้อมมุ่งทำงานเพื่อประชาชน เดินหน้าตรวจสอบป่าถูกชาวกัมพูชารุกในสระแก้ว สั่งบังคับใช้กฎหมายไม่เว้นใคร
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณี น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายการลงทุนซื้อตึก SKYY9 ว่า นิดเดียว แค่เฉี่ยวๆ ซึ่งทาง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ชี้แจงไปหมดแล้วเวทีนี้ถือเป็นเวทีที่แสดงผลงาน ก็ไม่เป็นไร สิ่งที่ สส. ผู้ทรงเกียรติได้พูดก็อยู่ในกระบวนการทั้งหมดอยู่แล้ว ตนถึงได้บอกว่าเราพร้อมทุกอย่าง เรื่องนี้ผ่านมา 1-2 ปีแล้ว กระบวนการทุกอย่างมันสิ้นสุดไปหมดแล้วทุกเรื่อง สิ่งที่เอ่ยมามันมีคำตอบอยู่ในตัวทั้งหมดแล้ว ดังนั้น ตนก็ไม่รู้จะพูดไปเพื่ออะไร พอพูดไปก็เป็นเรื่องหนังเก่ามาฉายใหม่
นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า การเป็นผู้บริหารประเทศ เป็นนักการเมือง หรือรัฐมนตรี พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว และเราพร้อมให้ข้อมูลทุกอย่าง เพราะเราต้องการแสดงความบริสุทธิ์เหมือนกัน เรื่องที่กล่าวหา ตนก็บอกไปแล้วว่าเรื่องอยู่ที่ไหนก็ทำหนังสือไปสอบถามได้เลย เราเชื่อมั่นว่าเราไม่มีข้อกล่าวหาใดๆ ทั้งสิ้น ถ้ามีข้อกล่าวหาเราจะผ่านกระบวนการตรวจสอบ 10 กว่าหน่วยงานได้อย่างไร ถ้ามีแผลหรือถูกกล่าวหา ตนคงไม่มีทางได้เป็นรัฐมนตรี เพราะครั้งนี้การตรวจสอบเข้มข้นมาก พร้อมยืนยันว่าถ้าสงสัยอะไรให้ทำหนังสือไปถามหน่วยงานนั้นเลย แล้วเขาจะเป็นผู้ตอบเอง ถ้าตนตอบก็ไม่ดี
“ขอย้ำว่าผมเชื่อมั่นว่าบริสุทธิ์ทุกเรื่อง และเชื่อว่าการกล่าวหาทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องการเมือง กล่าวหาได้ พูดลอยๆ ได้ แต่สุดท้ายถ้าผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างนั้นใครจะรับผิดชอบ สำหรับผมไม่อยากทะเลาะกับใครแล้ว มุ่งหน้าทำงานดีกว่า เพราะมีเวลาแค่ 4 เดือน ไม่อยากจะไปถกเถียงกับใคร เพราะถ้าผมไปก็จะไม่จบ ฉะนั้นปล่อยให้ รมว.แรงงาน พูดไปเลย ทำไปเลยให้เต็มที่ตามกฎหมายใด ถ้าสงสัยในหน่วยงานใดก็ทำหนังสือไปถามเลย เชื่อว่าจะให้คำตอบที่แท้จริง แต่ถ้าให้ผมไปถาม ผมว่ามันจะเป็นเรื่องตลก เพราะผมรู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่ได้ทำอะไรผิด”
ส่วนการฟ้องร้องนั้น นายสุชาติ ระบุว่า ไม่อยากจะไปอะไรกับใครแล้ว ตนเป็นผู้บริหารบ้านเมืองขนาดนี้แล้ว ก็ไม่อยากไปฟ้องร้องอะไรกับใคร ที่ผ่านมาที่ได้ฟ้องร้องไปเพราะต้องการให้เขารู้ว่าสิทธิประโยชน์ของแต่ละคน ถึงแม้เราเป็นคนสาธารณะก็จริง แต่เราก็ต้องปกป้องสิทธิ์ เรามีครอบครัว มีญาติพี่น้อง ใช้เวลาหลายสิบปีในการสร้างสมความดีมาแล้ว จะมากระทบกับคำพูดไม่กี่คำของบางคน มันไม่ได้ จึงต้องปกป้องสิทธิ์ตัวเองเท่านั้นเอง ซึ่งผลลัพธ์ในการฟ้องร้องมันไม่ใช่ที่จะมาปิดปากกัน แต่เป็นเรื่องของการรักษาสิทธิ์ ทั้งนี้ การฟ้องร้องกันคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไร อยู่ที่ประชาชนเขาคิดได้เอง
ลุยสระแก้วสัปดาห์นี้ ตรวจพื้นที่ชาวกัมพูชารุกป่า
นอกจากนี้ นายสุชาติ ยังเปิดเผยถึงการลงพื้นที่ จ.สระแก้ว เพื่อติดตามดูเรื่องการบุกรุกพื้นที่ ว่า ในสัปดาห์นี้ตนพร้อมด้วย นางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมป่าไม้ จะลงพื้นที่เพื่อติดตามกรณีที่มีการแจ้งความชาวกัมพูชาบุกรุกพื้นที่โดยจะหารือกับ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ถึงเรื่องดังกล่าว รวมถึงให้กำลังใจแก่ข้าราชการผู้ปฏิบัติงาน ในฐานะที่ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเขตตรวจราชการภาคตะวันออก ตนจะติดตามเรื่องการนำที่ดินของไทยกลับคืน ตามที่กรมป่าไม้ได้ไปปักป้ายไว้แล้วว่าเป็นพื้นที่ของไทยซึ่งชาวกัมพูชาบุกรุก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายของกรมป่าไม้ มีโทษจำคุกหลายปี เราต้องบังคับใช้กฎหมายโดยจะหารือกับฝ่ายความมั่นคง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้ชัดเจน
“การบุกรุกป่าถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เมื่อเราปักป้ายแสดงสิทธิ์ไว้แล้วเราต้องรักษาอธิปไตยของไทย รวมถึงต้องพิทักษ์สิทธิ์และดำเนินการตามกฎหมายของเรา และจะพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ชายแดนที่เกิดเหตุปะทะสู้รบกัน ต้องสอบถามฝ่ายความมั่นคง เพื่อที่เราจะได้เข้าไปเสริม”
ขณะเดียวกัน นายสุชาติ ยังเผยอีกว่า นายกรัฐมนตรีสั่งกำชับตนเพื่อให้ถ่ายทอดไปยังปลัดและข้าราชการกระทรวง ว่า พื้นที่อุทยานพื้นที่ป่าและพื้นที่อนุรักษ์ซึ่งติดกับแนวพื้นที่ชายแดนที่มีเหตุสู้รบกันระหว่างไทยกับกัมพูชา หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรเกิดขึ้น ให้เตรียมพื้นที่เหล่านี้สำหรับเป็นที่พักให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความสะดวก ไม่ใช่เมื่อถึงเวลาฉุกละหุกแล้วไปอยู่วัดหรือโรงเรียน ซึ่งขณะนี้ได้ดูพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติไว้รองรับโดยไม่ให้กระทบกับวิถีชีวิตของสัตว์ป่า รวมถึงให้คณะเจ้าหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนย้ายประชาชน ขอให้มั่นใจว่าไม่ใช่เกิดปัญหาแล้วแก้ไขแบบลวกๆ ต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าถ้าเคลื่อนย้ายแล้วมีความปลอดภัยและมีความสุขใจ ซึ่งทุกกรมและทุกหน่วยงานได้รับนโยบายนี้ และพร้อมเข้าไปช่วยเหลือประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงการวางกรอบที่จะต้องผลักดันชาวกัมพูชาให้ออกจากพื้นที่ ให้หมดก่อนวันที่ 3 ตุลาคมนี้ นายสุชาติ ระบุว่า กระทรวงทรัพยากรฯ สนับสนุนฝ่ายความมั่นคงอยู่แล้ว การผลักดันในช่วงที่มีเหตุปะทะอยู่ ต้องให้ฝ่ายความมั่นคงหรือทหารเป็นผู้นำ โดยเอากฎหมายของกระทรวงทรัพยากรฯ ไปประกอบการดำเนินการ ขณะที่เราพร้อมเป็นหน่วยสนับสนุนในทุกเรื่อง เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การบุกรุกทั่วไป เราจึงต้องรักษาสิทธิ์ของเราเอาไว้ โดยการบังคับใช้กฎหมาย เราไม่ยอมอยู่แล้ว ขนาดคนไทยที่บุกรุกเรายังไม่ยอม แล้วกรณีของคนต่างชาติที่มีปัญหากับเราจะไม่ดำเนินคดีได้อย่างไร ขอย้ำว่าเราต้องบังคับใช้กฎหมายและขอให้ทุกคนมั่นใจว่าเราทำเต็มที่และไม่ยอมแน่นอน