"อนุทิน" ลุกโต้ "จิราพร" กลางสภา เปิดเบื้องหลังถอนตัวรัฐบาล ปัดสัมพันธ์ฮุน เซน ย้ำไม่เคยใช้อำนาจช่วยคนผิดกฎหมาย พร้อมประกาศกรอบยุบสภา 31 ม.ค. ปีหน้า
ที่รัฐสภา บรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเต็มไปด้วยความตึงเครียด หลังนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลุกขึ้นชี้แจงตอบข้อซักถามจาก น.ส.จิราพร สินธุไพร ฝ่ายค้านรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นความสัมพันธ์กับสมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา รวมถึงเบื้องหลังการตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทยที่ถอนตัวจากรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร
นายอนุทิน กล่าวว่า ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยได้รับสัญญาณจากหลายฝ่ายว่าจะถูกปรับออกจากตำแหน่ง กระทั่งได้รับการแจ้งจากพรรคเพื่อไทยต้องการควบคุมกระทรวงมหาดไทย และเสนอให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแทน ซึ่งตนมองว่าเป็นการส่งสัญญาณให้ถอนตัวจากรัฐบาลมากกว่า
ต่อมา เมื่อเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมายืนยันว่าเป็น “ไพ่ใบสุดท้าย” ที่จะต้องย้ายไปกระทรวงสาธารณสุข ทำให้พรรคภูมิใจไทยตัดสินใจถอนตัวจากรัฐบาล ขณะเดียวกันไม่นานหลังจากนั้น ได้มีคลิปเสียงเผยแพร่ในสังคม ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาต่อความชอบธรรมของรัฐบาลชุดดังกล่าว หลังจากพ้นจากตำแหน่ง พรรคภูมิใจไทยได้เข้าร่วมกับพรรคประชาชน ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พร้อมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOA) ร่วมกัน โดยมีกรอบสำคัญ เช่น การยุบสภาภายใน 4 เดือน การผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการยอมรับสถานะฝ่ายค้านเสียงข้างน้อย
ส่วนกรณีที่ตน ถูกพาดพิงถึงความสัมพันธ์กับสมเด็จ ฮุน เซน นายอนุทินชี้แจงว่า เป็นเพียงความสัมพันธ์เชิงมารยาททางการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ และไม่ได้ก่อให้เกิดผลประโยชน์ใด ๆ ต่อพรรคการเมืองหรือตนเอง พร้อมย้ำว่าทุกการพบปะกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้านเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการทูตและความร่วมมือระหว่างประเทศ
นายอนุทิน ยังได้โต้ตอบ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ที่กล่าวหาว่าเป็น “ผู้ต้องหา” โดยยืนยันว่า ตนเป็นเพียง “ผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา” เท่านั้น และยังอยู่ในขั้นตอนการต่อสู้คดีในศาล จึงขอให้ถอนคำพูดดังกล่าว เพราะทำให้สังคมเข้าใจผิด พร้อมยืนยันหนักแน่นว่า ไม่เคยใช้อำนาจในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือในฐานะนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิดกฎหมายใด ๆ หากมีข้อสงสัยก็พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ
ระหว่างการชี้แจง น.ส.จิราพร สินธุไพร พรรคเพื่อไทย ประท้วง โดยเห็นว่าเป็นการนำเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวกับบุคคลภายนอกสภาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ประธานสภาได้อนุญาตให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงจนจบ
ท้ายที่สุด นายอนุทินยืนยันตามกรอบข้อตกลงทางการเมืองว่า จะยุบสภาภายในวันที่ 31 มกราคมปีหน้า และอาจเกิดเร็วกว่านั้นหากมีความจำเป็นทางการเมือง โดยระบุว่า การเมืองขณะนี้ไม่ได้เป็นเพียงการชี้ชะตาของพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบความอยู่รอดของพรรคเพื่อไทยด้วย