“เพื่อไทย” จี้ถาม “อนุทิน”ปมตั้ง “รมช.คลัง” วรภัค  ย้อน ตอนเป็นที่ปรึกษา "พิชัย" ไม่เห็นติดใจ

“เพื่อไทย” จี้ถาม “อนุทิน”ปมตั้ง “รมช.คลัง” วรภัค  ย้อน ตอนเป็นที่ปรึกษา
“เลิศศักดิ์” เพื่อไทย ถาม “อนุทิน” ตั้ง “วรภัค ”โดนป.ป.ช.กล่าวหาคดีปล่อยกู้ “เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ”นั่ง รมช.คลัง เหมาะสมหรือไม่ ด้าน "วรภัค" บอกตอนเป็นที่ปรึกษา “พิชัย” เพื่อไทยตรวจสอบก็ไม่ได้ติดใจ

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย พรรคเพื่อไทย  อภิปรายนโยบายของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ในประเด็นของความโปร่งใสในการแต่งตั้งบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งที่ยังมีรายชื่อเป็นผู้ถูกกล่าวหาจาก ป.ป.ช. จากคดีบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) สมัยที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ แม้ผู้กล่าวหาทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่การแต่งตั้งคนมีข้อกล่าวหามานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กำกับดูแลสถาบันการเงิน จะเหมาะสมหรือไม่

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล เริ่มต้นอภิปรายว่าในช่วงปีก่อน สภาผู้แทนราษฎรเคยมีการศึกษากรณีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเกิดการฉ้อโกงครั้งใหญ่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย มีพี่น้องประชาชนถูกหลอกให้ลงทุนให้หุ้นกู้ ความเสียหายกับสถาบันการเงินและหลายภาคส่วน และคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ กำลังจะเป็นเสนาบดี นั่งบริหารงานกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน และที่สำคัญ อยู่บนคราบน้ำตาของประชาชนที่เขาได้รับความเสียหายของเศรษฐกิจเป็นมูลค่านับหมื่นล้านบาท

ต่อมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) มีการแจ้งข้อกล่าวหานายวรภัค ธันยาวงษ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงไทยจำกัด มหาชน กับพวกจำนวน 32 คน  มีข้อกล่าวร่วมกันพิจารณาอนุมัติอำนวยการสินเชื่อ ด้วยการแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ปกปิดความจริง  เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) ได้รับอนุมัติวงเงินสูงกว่าเกินกว่าหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกรุงไทยกำหนด ไม่ถูกต้องไม่เป็นไปตามระเบียบและผิดวัตถุประสงค์การขอสินเชื่อในวงเงินแต่ละประเภท 

ต่อมา ในเว็บไซต์ของ ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ การแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2568 และรายชื่อผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในลำดับ 5 คือนายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่ง ณ ขณะนี้ก็คือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล

“การอภิปรายของผมจากนี้ มิได้มีเจตนากล่าวให้ร้ายหรือทำลายเกียรติภูมิของท่านรัฐมนตรี เพียงแต่ผมต้องการปกป้องเกียรติภูมิของคนที่จะมานั่งอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อประโยชน์ของชาติ”

นายเลิศศักดิ์ ได้อภิปรายพฤติการของกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย ณ ขณะนั้น ทำอย่างไรในการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) ใน 2 กรณี คือ

กรณีที่ 1 มีการอนุมัติวงเงินกู้ระยะยาว ให้บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) จำนวนหลายพันล้านบาท โดยใชัเหมืองปลอม 2 แห่งในประเทศอินโดนีเซียมาค้ำประกัน   ซึ่งพอไปตรวจสอบ พบว่าเหมืองแห่งแรกอยู่ในป่าทึบ ไม่สามารถเข้าถึงตรวจสอบไม่ได้  ส่วนเหมืองที่สอง มีกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ติดอาวุธครบมือ ทำให้ทีมที่ไปสำรวจเก็บข้อมูลเข้าไม่ถึง จึงไปถ่ายรูปกับป่าหินแล้วส่งให้ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อ และจากนั้น เอาใบขนปลอมมาเบิกเงินจากธนาคารกรุงไทยไปเป็นหมื่นล้าน

กรณีที่ 2 มีการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัท เอิร์ธ โฮลดิ้ง จำกัด เอาเงินสินเชื่อที่ได้จากธนาคารกรุงไทย ไปซื้อหุ้นบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) ผ่านตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ เป็นการปั่นราคาหุ้นบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) ทำให้บริษัทดูดี และส่งผลตามมาอีกหลายอย่างที่สร้างความเสียหายให้นักลงทุนและพี่น้องประชาชน

และบุคคลคนนี้ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ในขณะนั้นและเป็นรัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงการคลังในขณะนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องในการอนุมัติสินเชื่อนี้อย่างไร นี่คือขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อ ท่านมีสิทธิเสนอความเห็น ลงนามร่วมแต่อนุมัติเดี่ยวไม่ได้ เกินกรอบวงเงิน นั้นหมายความว่า การอนุมัติสินเชื่อและเกิดความเสียหายให้ธนาคารกรุงไทยในขณะนั้น ท่านรัฐมนตรีมีส่วนร่วม

พอหลังจากที่ท่านอนุมัติ สร้างเครดิตความน่าเชื่อถือให้บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) ปรากฎว่าบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) ก็ไปออกหุ้นกู้ 3-4 รุ่นรวมมูลค่ากว่า 6 พันล้านบาทขายให้พี่น้องประชาชนเกือบ 6 พันคน แล้วก็เอาเงินที่ได้จากหุ้นกู้เอาไปจ่ายหนี้สถาบันการเงินหมุนกันอยู่อย่างนี้ 

ไม่น่าเชื่อว่าท่านที่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ในขณะนั้น ไม่สามารถรู้สึกถึงความผิดปกติของการอนุมัติลวงโลกในครั้งนั้นได้เลย  แทบไม่น่าเชื่อว่าบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) สามารถหลอกคนระดับรัฐมนตรีได้

เรื่องนี้ ยังอยู่ในชั้นแจ้งข้อกล่าวหา รัฐมนตรียังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นเกียรติยศคนทั้งประเทศ จึงต้องมีคำถามถึงท่านนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 2 คำถาม

คำถามแรก ในการที่ท่านเป็น นายกรัฐมนตรี  ท่านจะตอบอธิบายประชาชนอย่างไร ที่ท่านแต่งตั้งบุคคลที่เคยมีสถานะอนุมัติสินเชื่อให้กับบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) ในฐานะที่เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยขณะนั้น และมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่กำกับดูแลสถาบันการเงิน

คำถามสอง หากในอนาคตข้างหน้า ภายหลังท่านรัฐมนตรีพ้นจากหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังไปแล้ว หากท่านถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ส่งเรื่องให้ศาลอาญาพิจารณาต่อไป ตอนนั้น ท่านนายกรัฐมนตรีจะมีมลทิน และวันนั้นท่านจะตอบประชาชนอย่างไรว่า ท่านได้ตั้งรัฐมนตรีที่กระทำความผิดต่อสถาบันการเงิน สร้างความเสียหายมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท มาดำรงตำแหน่งบริหารนโยบายที่ท่านได้ประกาศไว้ต่อรัฐสภา

ด้าน นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง ชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่าเอื้อให้กับบริษัทเอ็นเนอร์ยี่ ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อสูงเกินกว่าวงเงินกำหนดไม่ถูกต้องตามระเบียบและผิดวัตถุประสงค์ของการออกสินเชื่อเมื่อ 21 ก.พ. 2568 ว่า เมื่อครั้งที่ตนเป็นประธานคณะที่ปรึกษาของนายพิชัย ชุณหวชิร อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ในพรรคเพื่อไทยได้ยกมาพิจารณาและตรวจสอบ ซึ่งไม่พบการติดใจใดๆ

ทั้งนี้ตนรับหน้าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย เมื่อ พ.ย. 2555 ซึ่งบริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เป็นลูกค้าของธนาคารมาหลายปี ในธุรกิจสาขาศรีราชา ตอนนั้นบริษัทมียอดขายหมื่นล้านบาท และเมื่อตนครบวาระ 4 ปี เมื่อปี 2559 บริษัทมียอดขายเติบโต เป็น2หมื่นล้านบาทจากวันแรกที่เป็นลูกค้ายอดขายหลักพันบาท

นายวรภัค ชี้แจงต่อว่า บริษัทเติบโตในยอดขายและกำไรต่อเนื่อง  บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมถ่านหินยังพบการเติบโตดีมาก ทั้งนี้บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ ไม่เหมือนบริษัทสตาร์ก ที่ถูก กลต.ร้องเพราะตบแต่งบัญชี ซึ่งบริษัทเอ็นเนอร์ยี่ ไม่เคยถูกกลต.ร้องทุกข์กล่าวโทษ อย่างไรก็ดีบริษัทเอ็นเนอร์ยี่เอิร์ธมีการซื้อขายจริง มีทรัพย์สินจริง มีการออกหุ้นกู้ได้ ตามกติกาที่ผ่านกลต.ตรวจสอบแล้ว มีทรัพย์สิน มีเหมืองที่ธนาคารกรุงไทยมี 

“ความเสียหายที่แท้จริงนั้น ผมครบวาระปลายปี2559 ออกจากกรรมการของธนาคารกรุงไทย บริษัทดังกล่าวเป็นเอ็นพีแอล พ.ค.ปี2560  ทั้งที่ต้นปี 2560 นั้นมีการเติบโต และมีมูลค่าซื้อขายเกือบ3 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยผิดนัดชำระ เป็นลูกค้าชั้นดีมาตลอด แต่เดือนพ.ย.2560 เป็นเอ็นพีแอล ซึ่งจากประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นเอ็นพีแอลต้องกระท่อนกระแท่นมาประมาณ 1-2 ปี โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องได้รับการประคับประตอง ทั้งนี้ตามเอกสารสำนวนใน ป.ป.ช. รายงานจากที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ธนาคารกรุงไทยจ้าง ระบุว่าบริษัทนี้ธุรกิจและอุตสาหกรรมไม่มีปัญหา แต่ปัญหาเกิดจากวิกฤตสภาพคล่องที่เจ้าหนี้รายใหญ่ดึงวงเงิน” นายวรภัค ชี้แจง

รมช.คลัง ชี้แจงด้วยว่า ตนออกไปแล้วไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มีคนมาบอกว่าบริษัทนำเอกสารบีแอลปลอมมาเบิกเงิน แต่พิสูจน์แล้วไม่ได้ปลอม หากสมมติว่าตนยังเป็นกรรมการ และมีบีแอลปลอมมาเบิกเงินจริง ผมอยากจะยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า ต้องค่อยๆ ถอย ไม่ใช่ยุติความสัมพันธ์ทันทีทันใด เพราะจะทำให้เสียหายกับลูกค้าและธนาคารทั้งนี้บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ ไม่เหมือนบริษัทสตาร์ก ไม่เคยถูกกลต.ร้องทุกข์กล่าวโทษช่วงเป็นลูกค้าของธนาคารกรุงไทย  ความเสียหายที่แท้จริงเกิดขึ้นจากการดึงวงเงินอย่างฉบับพลัน ทำให้ขาดสภาพคล่อง

TAGS: #ประชุมสภา #แถลงนโยบายรัฐบาล #เพื่อไทย #วรภัค