"จุรินทร์" แซะ "อนุทิน" หนูตกถังข้าวสาร มีเก้าอี้ ครม.เหลือแจก ลั่น นายแน่มาก กล้าตั้งรมต.กระดำกระด่าง ถามนโบายแก้รธน. หนุนแก้ปมจริยธรรมหรือไม่ แนะวางไทม์ไลน์ให้ชัด พร้อมฝาก 5 คาถา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายนโยบายรัฐบาล ว่า จากนี้ตนและพรรคประชาธิปัตย์ จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่จะไม่ค้านทุกเรื่อง ไม่มีอคติ บุญคุณ หรือความแค้นใดๆ และจะทำงานกับฝ่ายค้านทุกพรรคเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ
หากดูนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ก็จะพบว่า ในภาพรวมมีทั้งที่เขียนไว้กว้างเป็นมหาสมุทร แทนที่จะเฉพาะเจาะจง เพราะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ แต่ตนสะดุดเป็นพิเศษในเรื่องนโยบายหาเสียงก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพราะล่องหนหายตัว ไม่ปรากฏอยู่ในนโยบายหลายเรื่อง
นายจุรินทร์ กล่าวว่า คำตัดพ้อของรัฐบาลที่ปรากฏในคำแถลงนโยบาย ที่มีข้อจำกัด 3 ข้อ คือ 1.เวลาจำกัด 2.ไม่ได้ทำงบประมาณด้วยตัวเอง 3.เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งประชาชนทราบดีว่าเกิดจากการเมืองภาคพิสดาร ซึ่งรัฐบาลโทษใครไม่ได้ เพราะเลือกทางเดินด้วยความเต็มใจ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย คงบวกลบคูณหารแล้วคิดว่าคุ้ม เพราะแลกกับการได้เป็นนายกฯ และเป็นรัฐบาลต่างตอบแทนกับฝ่ายที่ต้องการยุบสภาและแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะใช่ แต่เอาเข้าจริงรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยู่ 4 เดือน แต่อาจอยู่ 8-9 เดือน เพราะต้องรอช่วงเวลาการเลือกตั้ง และรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่ารัฐบาลชุดนี้มีแต้มต่อมากกว่าข้อจำกัด ซึ่งมีทั้งหมด 4 ข้อ ได้แก่
1.การที่มีผู้ลงคะแนนเลือกให้เป็นนายกฯ โดยไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้นายกฯ เป็นหนูตกถังข้าวสาร เพราะมีเก้าอี้รัฐมนตรีให้มาแบ่งปันกันเหลือเฟือที่สุดในประวัติศาสตร์ของระบบรัฐสภา
2.เมื่อรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหาร ก็มีเงินมากองไว้ทันที ไม่ต้องออกแรง เพราะงบเหลือจ่าย ของปี 68 รออยู่แล้ว 6 หมื่นล้านบาท ส่วนงบประมาณปี 69 ก็รอใช้วันที่ 1 ต.ค.นี้
3.มีนโยบายสำเร็จรูปเตรียมไว้ให้แล้ว โดยผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ หรือ MOA ที่คิดไว้ให้เสร็จสรรพว่าต้องทำอะไรบ้าง
4.เหลือให้คิดเองแค่ 3 เรื่อง คือนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา การจัด ครม. และการทำนโยบายให้สำเร็จ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนการจัด ครม. ตนขอชมว่าหลายตำแหน่งจัดได้ดี ถูกฝาถูกตัว แต่น่าเสียดายที่มีบางตำแหน่งกลายเป็นชักใบให้เรือเสีย ทำให้ ครม.ชุดนี้ กระดำกระด่างไป เชื่อว่านายกฯ ก็คงรู้อยู่แก่ใจ เรื่องโควตาพรรค ตนเข้าใจเพราะเคยเป็นฝ่ายรัฐบาล แต่ขอชมนายกฯ ว่านายแน่มาก กล้าตั้งรัฐมนตรีที่รัฐบาลชุดที่แล้วยังไม่กล้าตั้ง เพราะไม่อยากเสี่ยงตามรอยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อนายอนุทินตั้งแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนคำแถลงนโยบาย เรื่องการตั้งโจทย์ของประเทศ รัฐบาลระบุว่าภาวะนี้มีทั้งหมด 4 ภัย คือเศรษฐกิจ ความมั่นคง ด้านสังคม และภัยพิบัติธรรมชาติ ตนมองว่ายังตั้งโจทย์ไม่ครบ เพราะนายกฯ อาจคิดว่าไม่สำคัญ ภัยที่ว่าคือการทุจริตคอร์รัปชัน ที่เป็นต้นตอของทุกปัญหา
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ เชื่อว่า หลายคนบ่นว่านโยบายนี้ มาผิดที่ผิดเวลา ประชาชนวิจารณ์ว่าอยากเห็นการแก้ปากท้องมากกว่าการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะบทเฉพาะกาลที่เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐธรรมนูญ 2560 ผ่านไปแล้ว ซึ่งปัญหาที่เหลือสามารถแก้รายมาตราได้ แต่เมื่อรัฐบาลแลกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกฯ ก็ต้องรับผิดชอบ โดยตนขอตั้งคำถาม 2 ข้อ ดังนี้
1.การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องไม่แตะหมวดหนึ่ง หมวดสอง แต่หากมีร่างฉบับใดเสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา และไม่กำหนดเงื่อนไขดังกล่าว รัฐบาลชุดนี้จะยกมือให้หรือไม่
2.หากการแก้รัฐธรรมนูญ ไปแก้มาตรา 160 (4) (5) เรื่องคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ ศาล และองค์กรอิสระ ที่ระบุว่าต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่มีพฤติกรรม ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง นายกฯ จะสนับสนุนให้มีการแก้ต่อไปหรือไม่
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ตนมีคำถามว่า ที่ คำแถลงนโยบายของรัฐบาลเขียนไว้ว่า พื้นที่ของเราตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากลที่ถูกครอบครอง จะยึดคืนมาให้หมดด้วยใช่หรือไม่ เพราะไม่ใช่แค่รักษาไว้ แต่อะไรที่สูญเสียไป รัฐบาลมีนโยบายจะเอาคืนกลับคืนมาด้วยใช่หรือไม่ ส่วนเรื่องบ่อนของกัมพูชาที่สร้างล้ำเขตแดนไทยเข้ามา จะจัดการอย่างไร
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนที่รัฐบาลแถลงนโยบายว่าจะทำประชามติ ยกเลิก MOU ที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นฉบับ 43 หรือ 44 ตนขอถามว่า หากรัฐบาลเห็นว่าควรยกเลิก ทำไมไม่ตัดสินใจเอง เพราะสามารถดำเนินการได้ทันที และหากจะทำประชามติ จะทำเมื่อไหร่ กี่โมง จะทำพร้อมการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องโครงการคนละครึ่ง ตนไม่มีอะไรท้วงติง และขอสนับสนุน เพราะทำเรื่องนี้กันมาสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี มาถึงตอนนี้ก็ดีใจที่รัฐบาลนำมาใช้ สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่คนไทยขาดกำลังซื้อ พ่อค้าแม่ขายกำลังร่อแร่
นายจุรินทร์ อภิปรายต่อว่าตนขอฝาก คาถา 5 ข้อไปยังรัฐบาล ด้วยว่า 1.ขอให้รัฐบาลได้ระลึกคำถวายสัตย์ปฏิญาณไว้เสมอ คือ ไม่โกง เพราะโกงจะมีอันเป็นไป ทวนเป็นอาวุธมีไว้รบกับกัมพูชา แต่ไม่ได้มีไว้ให้ทิ้งก่อนยุบสภา 2.อย่าใช้ระบบเล่นพรรคเล่นพวกในการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะทำคนดีหมดกำลังใจและทำลายอนาคตประเทศ 3.อย่าเลือกปฏิบัติ ตนไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลนี้จะทำ แต่ขอฝากไว้ฐานะ สส. อย่าเลือกพัฒนาเฉพาะพื้นที่ที่เลือก เพราะพื้นที่ที่ไม่เลือกคือคนไทย
นายจุรินทร์ อภิปรายต่อว่า 4.อย่าลุแก่อำนาจ ซ้ำรอยอดีต เพราะเคยเห็นมาแล้วมีอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ สส. สว. องค์กรอิสระ หากเผลอตัวจบไม่สวย เหมือนที่เคยเห็นมาเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ทำ และ 5.อย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพราะนอกจากทำลายนิติรัฐแล้ว จะเป็นของแสลงของรัฐบาลปัจจุบัน หากทำได้ จะกลับมา แต่จะมาเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินและประชาชน