"ชูศักดิ์" เล็งชงแก้ รธน.ตั้ง ส.ส.ร.ชุดเล็ก  "พริษฐ์" เสนอโมเดล "2 คณะ"  กลไกจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

"ชูศักดิ์" เตรียมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตั้ง ส.ส.ร.ชุดเล็ก นำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ เชื่อปลายเดือนตุลาคมนี้จะเสนอได้ ก่อนปิดสมัยประชุม 30 ต.ค. 68   "พริษฐ์" เสนอ โมเดล "2 คณะ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การประชุมคณะทำงานแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย เมื่อวานนี้ (16 ก.ย. 68) ได้ข้อสรุปว่า จะให้มีสมาชิกสภาล่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยใช้วิธีเลือกโดยอ้อม จากนั้น ให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก ซึ่ง ส.ส.ร. ชุดนี้จะมาจาก 2 ส่วน คือ ให้จังหวัดเป็นผู้เลือกตัวแทนผู้ที่มีความประสงค์จะเข้ามาเป็น ส.ส.ร. 200 คน เพื่อให้เพื่อรัฐสภาคัดเลือกที่เหลือ 100 คน โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเลือก ส.ส.ร. อย่างน้อยจังหวัดละ 1 คน

อีกส่วนจะมาจากตัวแทนองค์กรต่างๆ อาทิ ธนบดีคณะรัฐศาสตร์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาท้องถิ่น สภาทนายความ ตัวแทนองค์กรวิชาชีพต่างๆ สภาพเครือข่ายนักหนังสือพิมพ์ รวมถึงเสื้อมวลชน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ ส.ส.ร. ด้วย และมีตัวแทนจากนิสิตนักศึกษาที่เลือกกันเข้ามา ประมาณ 30 ถึง 40 คน รวมกันเป็น ส.ส.ร. และให้กลุ่มดังกล่าวทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ สามารถตั้งคณะกรรมการ เพราะมาจากคนที่มีความรู้ความสามารถทางด้านรัฐธรรมนูญ จึงถือเป็นข้อสรุปคณะทำงานของพรรคเพื่อไทยที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยมอบหมายให้เลขานุการฝ่ายกฎหมายไปยกร่างนี้ขึ้นมา ซึ่งในวันศุกร์ที่ 19 กันยายน ในช่วงบ่ายจะมาดูร่างฯ ทั้งหมดกัน เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ก่อนนำร่างฯ เสนอต่อสภาฯ คาดว่าจะสามารถตั้ง ส.ส.ร. ประมาณ 140 คน ไม่อยากให้มีขนาดใหญ่มาก

ส่วนจะมีการเดินสายทำความเข้าใจกับ สว. หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่จะต้องทำความเข้าใจ เป็นหน้าที่ของ สว.ที่จะคิดกัน ส่วนพรรคไหนจะไปทำความเข้าใจก็ได้ พรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำความเข้าใจ แต่ต้องการขอแนวทางสนับสนุน หากจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะต้องการถึง 67 เสียง หรือ 1 ใน 3 ของสภา ให้เป็นดุลพินิจและอำนาจหน้าที่ ว่าสิ่งที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือไม่ หากคิดว่าเป็นประโยชน์ส่วนรวมก็ให้ช่วยกันสนับสนุน ทั้งนี้ยอมรับว่า มีความกังวลอยู่บ้างว่าเสียงสนับสนุนจะไม่เพียงพอ แต่เมื่อถึงเวลาทุกคนก็จะรู้เองว่าท้ายที่สุดแล้วทุกคนคิดกันอย่างไร

ส่วนไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คิดว่า ต้นเดือนตุลาคม จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมได้ หากกลายเป็นตุลาคมปิดสมัยประชุม รัฐสภาก็มีหน้าที่ตั้งคณะกรรมการ ให้มาดูเรื่องนี้ให้ได้ เพื่อให้กรรมาธิการทำงาน เพื่อยกร่างฯ แล้วเสร็จแล้วเปิดสมัยประชุมสภาก็สามารถจะมาโหวตกันได้

"พริษฐ์" เสนอ โมเดล "2 คณะ" กลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เปิดเผย ข้อเสนอ: โมเดล “2 คณะ” (คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ & คณะผู้แทนประชาชน) ระบุว่า กลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ยังคงยึดโยงกับประชาชน ในวันที่สภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง อาจไปต่อได้ยากเพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

พรรคประชาชนยืนยันว่าเป้าหมายสำคัญในการแก้ไขปัญหาประเทศควบคู่ไปกับการฟื้นฟูความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ คือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ทางเราเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนได้มากที่สุด หากถูกจัดทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน - เมื่อปลายปี 2567 เราจึงได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ที่เสนอให้มีกลไกดังกล่าว

โดยมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 200 คน (แบ่งออกเป็น 100 คน ที่เลือกตั้งแบบแบ่งเขตจังหวัด และอีก 100 คน ที่เลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อระดับประเทศ)

อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายตีความว่าเป็นการปิดประตูสู่การมีสภาร่างรัฐธรรมูญที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งอาจทำให้พรรคประชาชนต้องทบทวนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ที่ได้ยื่นไป

แม้ผมยืนยันว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวมีปัญหาทั้งในเชิงกระบวนการที่เป็นการตอบเกินคำถาม และในเชิงเนื้อหาสาระที่ผมมองว่าขัดกับหลักการว่าอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน แต่โจทย์ที่สำคัญสำหรับพรรคประชาชน ณ เวลานี้ คือเราจะทบทวน ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 และกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างไร ที่ยังคงความยึดโยงกับประชาชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่ไม่เสี่ยงจะขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง”

ผมขอลองเสนอนำเสนอกลไกดังต่อไปนี้ ที่ผ่านการหารือเบื้องต้นกับภาคส่วนต่างๆของพรรคประชาชน

1. ออกแบบให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่าน 2 กลไก

1. “คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ” ที่มีหน้าที่ในการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อนำเสนอต่อรัฐสภา (เสมือนกับเป็น “คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ”)
2. “คณะผู้แทนประชาชน” ที่มีหน้าที่ในการรับฟังความเห็นประชาชน และสะท้อนต่อคณะผู้ร่าง (เสมือนกับเป็น “สภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญ”)
2. “คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ” มี 35 คน โดยให้ประชาชนสรรหามาก่อน 70 คน (2 เท่า) ผ่านการเลือกตั้ง:

ให้ผู้สมัครที่สนใจ สมัครเป็นทีม (ทีมหนึ่งมีได้ไม่เกิน 70 คน โดยเรียงลำดับเหมือนผู้สมัคร สส. บัญชีรายชื่อ)
อาจกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมได้ ว่าผู้สมัครจะต้องมีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญด้านใด
ให้ประชาชนเลือก 1 ทีม ที่ตนอยากสนับสนุน โดยใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง
ผู้ได้รับการสรรหา 70 คน ให้คำนวณโดยใช้ระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายชื่อ (เช่น หากทีม ก. ได้คะแนนเสียง 10% ของคะแนนทั่วประเทศ ทีม ก. จะมีผู้ได้รับการสรรหา 7 คน (10% ของ 70 คน) โดย ผู้สมัครในบัญชีรายชื่อของทีม ก. ในลำดับที่ 1-7 จะได้รับการสรรหา)
3. เมื่อได้รายชื่อที่ประชาชนเลือกมาแล้ว 70 คน ให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน ที่จะมาทำหน้าที่คณะผู้ร่าง

ในเชิงการเมือง เราคาดหวังให้สมาชิกรัฐสภาคัดเลือก 35 คน จาก 70 คน โดยคำนึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนที่สะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง
ในเชิงกฎหมาย เราอาจกำหนดให้สมาชิกรัฐสภามีโอกาสเสนอชื่อหรือคัดเลือกคณะผู้ร่าง ตามสัดส่วน สส. สว. หรือ พรรคการเมือง
4. “คณะผู้แทนประชาชน” มี 100 คน โดยให้ประชาชนเลือกทางตรงทั้งหมด ผ่านการเลือกตั้ง:

ให้ผู้สมัครที่สนใจ สมัครเป็นรายบุคคล
อาจกำหนดคุณสมบัติให้เปิดกว้างที่สุด เพื่อให้เรามีตัวแทนที่มีความหลากหลายและครอบคลุมทุกกลุ่ม
ให้ประชาชนเลือก 1 คน ที่ตนอยากสนับสนุน โดยใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง (แต่ละจังหวัดจะมี “ผู้แทนประชาชน” 1-5 คน ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร)
ผู้ได้รับการเลือกตั้ง 100 คน ให้คำนวณจากผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดในแต่ละจังหวัด ตามจำนวนผู้แทนที่แต่ละจังหวัดมี (เช่น หากจังหวัด ก. มีผู้แทน 2 คน ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งคือผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับที่ 1-2)
5. ในระหว่างที่มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (ซึ่งอาจถูกกำหนดไว้ที่ 6-12 เดือน) ให้ทั้ง 2 คณะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และมีการประชุมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ โดย “คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ” จะมีหน้าที่ชี้แจงความคืบหน้าของร่าง ในขณะที่ “คณะผู้แทนประชาชน” จะมีหน้าที่ซักถามและสะท้อนความเห็นประชาชนต่อร่างที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

6. เมื่อยกร่างเสร็จแล้ว ให้คณะผู้ร่างนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปเสนอต่อรัฐสภา

หากรัฐสภาเห็นชอบ ให้นำร่างดังกล่าวไปทำประชามติ เพื่อสอบถามประชาชนว่าเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
หากรัฐสภาไม่เห็นชอบ ให้ร่างดังกล่าวเป็นอันตกไป โดยหากจะมีการจัดทำฉบับใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ ให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบให้มีการเลือก 2 คณะชุดใหม่ขึ้นมาตามกระบวนการเดิม
7. เราอาจกำหนดเพิ่มเติมให้การทำงานของ 2 คณะ ไม่จำกัดอยู่แค่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ให้ครอบคลุมถึงร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย โดยอาจเริ่มต้นทันทีที่ประชาชนลงประชามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อประหยัดเวลาและป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน

8. เราอาจกำหนดเพิ่มเติม ให้บุคคลที่ทำหน้าที่ใน 2 คณะ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง (เช่น สส. / สว. / รัฐมนตรี / ผู้บริหารหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น / ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ / ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ) ภายใน 5 ปีแรก เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน

9. กำหนดให้ 2 คณะที่ตั้งขึ้นมาแล้ว สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ โดยไม่ถูกกระทบจากการยุบสภาฯ หรือ จากการที่สภาฯหมดวาระ เพื่อความต่อเนื่องในการทำงาน และของกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ทางผมจะเป็นตัวแทนพรรคประชาชน ในการนำเสนอโมเดลนี้ในการประชุม กมธ. พัฒนาการเมืองฯ ในวันพฤหัสบดี (พรุ่งนี้) เพื่อหารือและรับฟังความเห็นจากพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย กมธ. พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา นักวิชาการ และตัวแทนภาคประชาชน

ท่านใดเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร ร่วมกันแชร์ความเห็นกันเข้ามาได้เลยครับ
 

TAGS: #รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ # ส.ส.ร. #แก้ไขรัฐธรรมนูญ #ประชามติ #ชูศักดิ์ #พรรคเพื่อไทย #พริษฐ์วัชรสินธุ #พรรคประชาชน