"ชูศักดิ์" ชี้แก้ รธน.ใหม่ต้องเร่งใน 4 เดือน หวั่นยุบสภาก่อนวาระสามผ่าน ร่างฯ ตกทันที

"ชูศักดิ์" ชี้แก้ รธน.ใหม่ต้องเร่งใน 4 เดือน หวั่นยุบสภาก่อนวาระสามผ่าน ร่างฯ ตกทันที ประชามติไม่มีเนื้อหาให้พิจารณา

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เผย ความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า ขณะนี้มีคณะกรรมการพิเศษเข้ามาดำเนินการ แต่เนื่องจากหลายคนอยู่ต่างจังหวัด จึงได้เชิญคณะกรรมการชุดเล็ก ซึ่งเป็นฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมหารือแทน เพื่อพิจารณาสาระสำคัญว่าแนวทางการแก้ไขจะครอบคลุมมากน้อยเพียงใด

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจร่วมกันในเรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุว่ารัฐสภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องดำเนินการตาม หมวด 15 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 256 ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาในสามวาระ โดยในวาระแรกและวาระที่สาม ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม และในวาระที่สาม ยังต้องได้รับเสียงเห็นชอบจากฝ่ายค้านไม่น้อยกว่า 20% ด้วย หากไม่สามารถผ่านเกณฑ์นี้ได้ ก็ถือว่าไม่สามารถดำเนินการต่อได้

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สามารถทำได้ แต่ไม่สามารถใช้วิธีเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยตรงจากประชาชนได้ ซึ่งทำให้ร่างเดิมของพรรคเพื่อไทยที่เคยเสนอไว้ในลักษณะดังกล่าว ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก

อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ว่า หากไม่สามารถเลือก ส.ส.ร. โดยตรงได้ ก็อาจใช้วิธีเลือกทางอ้อมแทน เช่น ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก ส.ส.ร. หรือแต่งตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง ซึ่งตนเองเห็นว่า เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย อาจพิจารณาเปิดให้มีตัวแทนจากหลากหลายภาคส่วน เข้ามาเป็นกรรมาธิการร่วมยกร่างรัฐธรรมนูญด้วย

สำหรับประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่ง คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เชื่อมโยงไปยังข้อตกลง MOA (Memorandum of Agreement) ซึ่งระบุว่าจะมีการยุบสภาภายใน 4 เดือน ทำให้ก่อนถึงการยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต้องแล้วเสร็จ เพราะหากไม่เสร็จ จะไม่มีร่างใดนำไปทำประชามติได้

"หากยุบสภาก่อนวาระสามผ่าน ถือว่าร่างตกทันที และประชามติก็จะไม่มีเนื้อหาให้พิจารณา" นายชูศักดิ์กล่าว พร้อมระบุว่า ในช่วง 4 เดือนนี้ ต้องเร่งดำเนินการอย่างจริงจัง โดยในเดือนตุลาคม จะมีการเปิดสมัยประชุมรัฐสภา และต้องเดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทันกรอบเวลา ทั้งนี้การทำงานจะต้องทุ่มเทอย่างหนัก เนื่องจากเนื้อหามีความซับซ้อนสูง

ในส่วนของการทำประชามติ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่มีการกำหนดคำถามอย่างเป็นทางการ โดยต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ซึ่งหากมีคำถามมากกว่าหนึ่งข้อ ก็จะต้องจัดการในลักษณะการลงคะแนนแยกกล่อง พร้อมย้ำว่ากกต.จะต้องมีการตรากฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้พร้อมก่อนถึงวันลงประชามติ

เมื่อถูกถามถึงความเห็นต่างภายในพรรคเกี่ยวกับการจัดตั้ง ส.ส.ร.โดยเฉพาะข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทยที่เสนอให้มีการเลือก ส.ส.ร. ทางอ้อม นายชูศักดิ์ กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่ตนเสนอไว้มากนัก เพราะถือเป็นการคัดเลือกกรรมาธิการอีกรูปแบบหนึ่ง โดยอาจเปิดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมเสนอรายชื่อ จากนั้นให้รัฐสภาเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม แนวทางที่ตนเห็นว่าเร็วที่สุดคือ การเขียนรายละเอียดลงไปในกฎหมายตั้งแต่ต้น โดยกำหนดให้มีตัวแทนจากหลากหลายภาคส่วน อาทิ องค์กรอิสระ องค์กรตุลาการ หรือหน่วยงานภายใต้การปกครองท้องถิ่นเข้าร่วมด้วย

เมื่อถูกถามว่า ภายในระยะเวลา 4 เดือน จะสามารถผ่านวาระสามได้หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่ในช่วงเปิดสมัยประชุมเดือนตุลาคม จะต้องมีการเร่งรัดการประชุมอย่างเต็มที่

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นคำร้องถอดถอนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หลังจากถอนตัวออกจากรัฐบาล นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยจะต้องดูท่าทีของพรรคประชาชาติและทิศทางของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหากจะมีการดำเนินการใด ๆ ย่อมมีเหตุผลรองรับอย่างแน่นอน

TAGS: #แก้รธน #ชูศักดิฺ์ #เพื่อไทย #แก้รัฐธรรมนูญ #ประชามติ