กกต.ยกคำร้อง! "ทักษิณครอบงำ 6 พรรค" ไม่เข้าองค์ประกอบตามกฎหมาย ชี้ "แพทองธาร" ยังไม่หลุดหัวหน้าพท.

กกต.ยกคำร้อง!
เลขาธิการ กกต. เผยผลสอบคำร้อง "ทักษิณ" ถูกกล่าวหาครอบงำ 6 พรรคการเมือง ชี้ไม่มีหลักฐานตามเกณฑ์กฎหมาย พรรคการเมืองยังมีอิสระในการตัดสินใจ แจงสถานะ "แพทองธาร" ยังไม่ขาดจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบคำร้องยุบ 6 พรรคการเมืองเนื่องจาก ยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค ชี้นำ ครอบงำการจัดตั้งรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยผู้ร้องอ้างเหตุที่แกนนำ พรรคการเมือง เดินทางไปร่วมรับประทานอาหาร และมาม่า กับนายทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าว่า นายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ยกคำร้อง ภายหลังได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พิจารณาตามข้อเท็จจริงแล้ว เพราะจากการตรวจสอบ และเชิญ 6 พรรคเข้าชี้แจง ก็ได้รับคำยืนยันว่า ไม่ได้ขาดความอิสระ หรือสูญเสียการตัดสินใจ ซึ่งองค์ประกอบพฤติการณ์การครอบงำนั้น จะต้องทำให้พรรคขาดความเป็นอิสระ 

เลขาธิการ กกต.ยังยอมรับว่า การครอบงำพรรคการเมือง เป็นประเด็นสังคมให้ความสนใจ และมีคำร้องระหว่างการพิจารณาอีกมาก ซึ่งข้อเท็จจริง ส่วนใหญ่เป็นการไปพูด ปราศรัย แต่การครอบงำจะต้องพิจารณากฎหมายอย่างละเอียด ซึ่งหากมองผ่าน ๆ หรือความรู้สึกอาจเป็นการครอบงำ แต่ตามกฎหมายนั้น พรรคการเมือง จะต้องยินยอม และบุคคลนั้นได้ครอบงำ ชี้นำ รวมถึงการครอบงำชี้นำนั้น จะต้องทำให้กิจกรรมของพรรคการเมืองขาดความเป็นอิสระ เมื่อพิจารณากฎหมายครบองค์ประกอบแล้ว ผลการครอบงำนั้น จะต้องทำให้พรรค หรือสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระด้วย

ส่วนพฤติการณ์ทักษิณออกมาพูดตามเวทีต่าง ๆ ไม่เข้าข่ายหรือไม่นั้น เลขาธิการ กกต.ชี้แจงว่า ไม่มีหลักฐานที่ฟังได้ว่า เป็นการครอบงำตามกฎหมาย และไม่ใช่ตามความรู้สึก ซึ่งจะต้องนำไปพิจารณาตามมาตรากฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมยังเปิดเผยว่า ยังมีคำร้องนายทักษิณ ครอบงำพรรคเพื่อไทย ที่รอการพิจารณาของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่

ส่วน MOA ระหว่างพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ในการสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นการครอบงำหรือไม่นั้น เลขาธิการ กกต.ชั้แจงว่า หากเป็นการครอบงำจะต้องเข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าได้พรรคการเมือง ซึ่งยังจะต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงอีกครั้ง

“แพทองธาร“ ยังไม่เข้าเกณฑ์ หลุด “หัวหน้าพท.”  

นายแสวง  กล่าวถึงกรณีนางสาวแพทองธาร  ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง จะพ่วงมาถึงความเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายแสวงระบุ หัวหน้าพรรคเป็นกรรมการบริหารพรรค และต้องเป็นสมาชิกพรรคก่อน ตนยังไม่เห็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่จะทำให้พ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้นมีอยู่สองเรื่อง คือ 1.พ้นเพราะคณะกรรมการจริยธรรมพรรคขับออกจากตำแหน่ง แต่ยังสามารถเป็นสมาชิกพรรคได้ 2. คือพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค หากพ้นจากสมาชิกพรรค ก็ต่อเมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่าให้พ้น แต่เมื่อเป็นศาลรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นคนละอย่างกัน ยังไม่เข้าเกณฑ์ ต้องเป็นคำพิพากษาของศาลฎีกาไม่ใช่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

นายแสวงยังกล่าวอีกว่าการพ้นจากกรรมการบริหารพรรคนั้น ก็เป็นเรื่องความรู้สึกคนอาจคิดว่าพ้นก็ได้ แต่ตัวกฎหมายมีขั้นตอนและวิธีปฏิบัติ ซึ่งก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรคที่ต้องพิจารณาว่ามีมติให้พ้นหรือไม่ กกต. ไม่สามารถก้าวก่ายในเรื่องกรรมการบริหารพรรค ส่วนเรื่องสมาชิกพรรคนั้นก็เป็นผลตามกฏหมาย ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลฎีกา 

และในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจะเข้าไปดูในเรื่องข้อบังคับของพรรคหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า เราดูเพียงข้อบังคับพรรคแต่กิจกรรมของพรรคการเมืองนั้น ให้พรรคเป็นผู้ดำเนินการ ในทะเบียนจะดูแค่ว่าพรรคได้ดำเนินการตามกฏหมายหรือข้อบังคับพรรคหรือไม่ ยืนยันว่าการพ้นจากสมาชิก หรือกรรมการบริหารพรรคเป็นเรื่องภายในของพรรค หากไม่ดำเนินตามกฏหมายเดี๋ยวจะมีสมาชิกพรรคมาร้องเอง ซึ่งตนขอดูก่อนเพราะ สุดท้ายก็จะไปอยู่ที่เรื่องกิจกรรมขอ พรรคการเมือง เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ให้ไปยุ่งกับกิจกรรมของพรรคการเมือง

“ สาระสำคัญตามหลักการ บางทีพ้นแล้วนะ แต่สิ่งที่รอคือคนชี้กระบวนการ พ้นจากสส.ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ ทั้งที่รู้อยู่แล้ว ตราบใดที่เรื่องจริยธรรมไม่ไปทางช่องศาลฎีกาหรือคณะกรรมการบริหารพรรคยังไม่ชี้ ก็ยังไม่เกิดผลอะไร” นายแสวงกล่าว
 

TAGS: #แสวงบุญมี #เลขาธิการกกต. #ทักษิณ #แพทองธาร