"รวมพลังแผ่นดิน"นัดชุมนุมเที่ยงวันนี้  อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ค้านเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล 

คณะรวมพลังแผ่นดินฯ นัดชุมนุมวันนี้ เวลา 12.00 น.ที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คัดค้านพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล

คณะแกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย  นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ นายพิชิต ไชยมงคล และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ฯลฯ แถลงจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  ตั้งแต่เวลา 12.00น. เป็นต้นไป  เพื่อแสดงพลังและส่งสัญญาณไปยังพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ว่า ประชาชนไม่ต้องให้ พรรคเพื่อไทยบริหารประเทศอีกต่อไป  ส่วนใครจะมาบริหารประเทศต่อนั้น ต้องเป็นบุคคลที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติน้อยที่สุด

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท.แถลงว่า หลังศาลรธน.มีคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พวกเราได้กำหนดท่าทีประกาศจุดยืนวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 12.00 น. เพื่อคัดค้านไม่ให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 

"จุดยืนของเรา ไม่เห็นด้วยและคัดค้านพรรคเพื่อไทยซึ่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะจะนำมาซึ่งอุปสรรคในการบริหารราชการแผ่นดิน และไม่มีความเหมาะสมใด ๆ ทั้งสิ้น ขอเชิญชวนประชาชนให้มาแสดงพลังกันให้มากที่สุด เหตุการณ์เมื่อวานอย่าถือว่าเป็นชัยชนะของประชาชน เป็นเพียงก้าวแรก  ภารกิจของเราต้องเดินต่อไป  ถ้าเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังไม่ยอมแพ้ ยังแสวงหาอำนาจรัฐเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นต้องเป็นภารกิจของประชาชนที่ต้องจับมือเดินหน้าคัดค้าน ไม่ให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล"

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ทำให้เก้าอี้นายกฯ ว่างลง ขณะนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย เดินหน้ารับข้อเสนอของพรรคประชาชนในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสถาบันหลักของชาติ และเป็นสิ่งที่ภาคประชาชนไม่อาจยอมรับได้

“วันนี้สมการทางการเมืองเข้าทางพรรคประชาชน ๆ สามารถขี่ได้ทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย สิ่งที่ประชาชนจะต้องเจอคือกระบวนการล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อนกองทัพ  ในภาพรวมสุดท้ายทักษิณ ยังสู้ตาย จนกว่าจะถึงวันที่ 9 กันยายน ประชาชนยังไว้วางใจไม่ได้ในสิ่งเกิดขึ้น” นพ.วรงค์ กล่าว
                   
นายจตุพร กล่าวว่า การพ้นตำแหน่งของน.ส.แพทองธาร ไม่ใช่ชัยชนะของประชาชน แต่เป็นเพียงการเปลี่ยนหน้า หากยังคงให้พรรคเพื่อไทยส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อไป ย่อมไม่ต่างอะไรจากการสืบทอดอำนาจของกลุ่มการเมืองเดิม และจะนำไปสู่การถูกต่อต้านจากสังคม 

“เงื่อนไขใครจะมาเป็นนายกฯ คนใหม่ ข้อแรก นายกฯ คนใหม่ ต้องไม่มาจากพรรคเพื่อไทย  2.หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องไม่แตะต้อง หมวด 1 และหมวด 2  3.ต้องยกเลิก MOU 43,44 ที่ลงนามกับกัมพูชา  4.ต้องยกเลิกร่างแก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ ที่ขยายสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์จาก 30 ปี เป็น 99 ปี  5.ต้องยกเลิกร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือร่าง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่อนุญาตให้มีคาสิโน  และ 6.ต้องยกเลิกร่างพ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของกลุ่มการเมืองใด แต่เป็น อำนาจต่อรองของประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลใหม่เดินซ้ำรอยเดิม และสร้างความเสียหายให้ประเทศในระยะยาว"

นายจตุพร กล่าวว่า แม้หลายฝ่ายอาจยังลังเลที่จะออกมาร่วมชุมนุม แต่หากรอให้การเมืองเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีเสียงประชาชน วันข้างหน้าจะยิ่งแก้ไขยากและต้องเหนื่อยกว่าหลายเท่า จึงขอให้ประชาชนจากทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มาร่วมกันแสดงพลัง เพื่อให้พรรคการเมืองตระหนักว่าประชาชนคือผู้มีสิทธิขีดเส้นทางการเมือง ไม่ใช่นักการเมืองเพียงกลุ่มเดียว
 

TAGS: #อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ #ม็อบ #รวมพลังแผ่นดิน #เพื่อไทย #ตั้งรัฐบาล #การเมือง