กกต.ยันไม่มีเหตุส่อเลือกตั้งโมฆะตั้งเป้า14 พ.ค.มีผู้มาใช้สิทธิ 80%   

กกต.ยันไม่มีเหตุส่อเลือกตั้งโมฆะตั้งเป้า14 พ.ค.มีผู้มาใช้สิทธิ 80%   
ประธานกกต.ยันไม่มีเหตุส่อเลือกตั้งโมฆะ ตั้งเป้า 14 พ.ค.มีผู้มาใช้สิทธิ 80% เผยยอดร้องเรียนพุ่งเกิน 100 ทั้งซื้อสิทธิ-หาเสียงหลอกลวงยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วย นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในงาน Big Day รณรงค์เชิญชวนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)  ณ ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.)ว่า การรณรงค์ครั้งนี้ ตั้งเป้าว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 80% โดย กกต. ตั้งเป้าไม่ให้มีบัตรเสียมากกว่า 2%

สำหรับการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 7 พ.ค. จะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. ไม่เกิดปัญหาซ้ำรอย นั้น  นายอิทธิพร กล่าวว่า ทุกครั้งที่จัดการเลือกตั้งและเกิดปัญหา จะต้องมีการตรวจสอบสาเหตุและหาวิธีการแก้ไข เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิของผู้ที่ใช้สิทธิไปแล้ว ซึ่งเป็นเป้าหมายของ กกต. ที่ไม่อยากให้มีการทำงานผิดพลาด แต่หากมีข้อผิดพลาดต้องแก้ไขทันที

ทั้งนี้เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ กกต. กำลังถูกตกเป็นเป้า นายอิทธิพร ตอบว่า ไม่รู้สึกว่าถูกตกเป็นเป้าและโดนถล่ม แต่รู้สึกดีใจที่การทำงานของ กกต. มีการตรวจสอบจากประชาชน ถือเป็นสิ่งที่ดี เป็นงานที่ กกต. ต้องชักชวนหรือจูงใจให้ประชาชนมีส่วนในการตรวจสอบการเลือกตั้ง เมื่อพบปัญหาก็สามารถทำให้แก้ปัญหาได้ทันท่วงที ถ้าไม่มีการตรวจสอบจากภาคประชาชนและสื่อมวลชน การทำงานอาจจะไม่สมบูรณ์ 100%

นายอิทธิพร ยังกล่าวถึงปัญหาจ่าหน้าซองบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าว่า จากที่ได้รับรายงานมีน้อยมากจากผู้ใช้สิทธิกว่า 2 ล้านคน แต่ก็ยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง คือกรอกเขตเลือกตั้งผิด ไม่ใช่กรอกรหัสไปรษณีย์ผิด แต่หลังจากที่บัตรถูกหย่อนลงหีบแล้วปิดหีบในเวลา 17:00 น. ก็จะมีการเปิดหีบมาตรวจสอบความถูกต้องของการจ่าหน้าซอง และทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ด้าน นายแสวง กล่าวว่า ตามที่มีการคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าเกือบครบแล้วนั้น และเมื่อเกิดปัญหาในวันเลือกตั้งล่วงหน้า สำนักงาน กกต. ได้แจ้งไปยังผู้อำนวยการ (ผอ.) กกต. จังหวัดทั่วประเทศ ว่าก่อนมอบบัตรให้ทางไปรษณีย์ ให้ตรวจสอบหน้าซองว่ามีข้อผิดพลาดหรือไม่ จากนั้นเมื่อบัตรถูกส่งไปยังไปรษณีย์ ก็ให้นับจำนวนบัตรและตรวจสอบว่ามีการกรอกข้อมูลครบหรือไม่ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการส่งจดหมาย โดยยืนยันว่าจากการตรวจสอบไม่มีปัญหาเรื่องไม่จ่าหน้าซอง

“ณ วันนี้ เรื่องการจ่าหน้าซอง ไม่มี กรอกผิดเขต ผิดอะไร ต้องมีคณะกรรมการวินิจฉัย” นายแสวง กล่าว

อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึง ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จนทำให้จะมีผู้ไปฟ้องร้องเอาผิด กกต. ตามมาตรา 157 และห่วงเรื่องการเลือกตั้งเป็นโมฆะ นายอิทธิพร ตอบว่า เป็นความเห็นของประชาชนต่อการทำงานของ กกต. ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชน ที่จะดำเนินการ แต่ยืนยันว่า กกต. ปฏิบัติตามกฏหมาย และหากมีการฟ้องร้อง ก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตามกฏหมาย ในการสู้คดี ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฏหมายด้วยความสุจริตและขณะนี้ไม่มีปัจจัยที่ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ กกต. จะมุ่งหน้าจัดการเลือกตั้งให้ดีที่สุดในวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งเป็นการเลือกตั้งใหญ่

นายอิทธิพร กล่าวย้ำไปยังผู้สมัครและพรรคการเมือง เกี่ยวกับระเบียบหาเสียงเลือกตั้ง และแนวทางปฏิบัติว่า ให้พิจารณาอะไรที่พึงกระทำได้ อะไรที่ไม่พึงกระทำหรือควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจจะเป็นจุดสีเทา แล้วต้องมาตัดสินโดยพยานหลักฐาน ซึ่งจากนี้เหลือเวลาไม่กี่วันในการเลือกตั้งขอให้ถูกพรรคทุกคนยึดมั่น เพื่อช่วยให้การเลือกตั้งหาเสียงไม่มีครหา 

สำหรับการร้องเรียนเรื่องซื้อเสียงการเลือกตั้ง ว่า ทุกคำร้องอยู่ระหว่างการตรวจสอบหากมีมูลก็จะรับเป็นคำร้องเข้าสู่การสืบสวนไต่สวนของ กกต. ต่อไป

ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 101 เรื่อง โดย 38 เรื่อง เป็นการให้เงินซื้อเสียง อีก 34 เรื่อง เป็นการหลอกลวงใส่ร้าย ทั้งนี้ หากมีการร้องเรียนที่ใดก็ต้องเข้าไปตรวจสอบในเบื้องต้น แล้วรวบรวมข้อเท็จจริง

โดยคณะกรรมการประจำจังหวัด มีเวลาภายใน 20 วัน แต่หากยังไม่เสร็จ สามารถต่อเวลาได้อีกครั้งละ 15 วัน โดยขอมาผ่านทางเลขาธิการกกต. และต้องผ่านคณะอนุกรรมการกกต. วินิจฉัยอีกครั้ง ถ้ามีเหตุเชื่อได้ว่ามีการทุจริตก็จะรับเป็นคำร้องและดำเนินการตามระเบียบต่อไป

ส่วนจะดำเนินการเสร็จก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เพราะหากเป็นคำร้องแล้วการซื้อเสียงถือว่าผิดมาตรา 73 (1) ต้องมีการดำเนินคดีอาญาให้ใบส้มหรือไม่ หรือต้องไปศาล ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกร้องและผู้ถูกร้อง จะเร่งรัดไม่ได้ ให้เป็นไปตามขั้นตอน
 

TAGS: #กกต. #เลือกตั้ง66