"โรม" ไม่ร่วมชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. มองภท.หวังดีปมซักฟอก แต่ขอคุยกันก่อน

“โรม”ไม่ร่วมชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. ย้ำ ประชาชนมีสิทธิ์แสดงออกตามรัฐธรรมนูญ  มอง ภูมิใจไทย ตัดหน้าขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจจะเป็นความหวังดี ยันยื่นญัตติแน่แต่จะเป็นช่วงไหนขอคุยกับพรรคฝ่ายค้านอีกครั้ง

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.)เผยถึงกรณี ในวันที่ 28 มิ.ย.จะมีการนัดชุมนุมของกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน” ว่า เรื่องชุมนุมทางการเมืองถือว่าเป็นเสรีภาพทางการแสดงออกไม่ว่าผู้ชุมนุมจะเห็นไปในทิศทางใด และตนมองว่ารัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทยรับรองหลักการในเรื่องนี้ว่าประชาชนทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ตนมองว่าผู้คนก็อยากเห็นการชุมนุมในรูปแบบที่ควรจะเป็น แต่ในขณะเดียวกันการจัดการของภาครัฐตนต้องเน้นย้ำว่ามีความท้าทายและปัญหาหลายอย่างรุมเร้า ตนไม่อยากให้ภาครัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐสร้างเงื่อนไขเรื่องการชุมนุม ตนคิดว่าวันหนึ่งพรรคของตนได้เข้ามาบริหาร ก็ต้องมีกลุ่มผู้เห็นต่างออกมาชุมนุมตามสิทธิเสรีภาพของตนเอง หน้าที่ของภาครัฐจะต้องไปคิดว่าจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุมอย่างไร และต้องขีดเส้นว่าการชุมนุมจะต้องมีขอบเขตประมาณไหนที่จะไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ส่วนตนจะเข้าร่วมปราศรัยหรือไม่นั้นตนยังไม่ทราบว่ามีการเชิญใครไปร่วมปราศรัยบ้าง และการดำเนินการส่วนภาคประชาชนนั้นก็สามารถทำได้เพราะหลายคนก็เป็นอดีตนักการเมืองและประสบการณ์ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างยาวนานและสามารถขับเคลื่อนการชุมนุมได้อยู่แล้ว ส่วนของตนขอโฟกัสในเรื่องการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในการติดตามเรื่องความมั่นคงต่าง ๆ เป็นหลักมากกว่า

เมื่อถามว่ากรณีที่พรรคภูมิใจไทยออกมาเรียกร้องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้ง ๆ ที่พรรคประชาชนเป็นพรรคแกนนำของฝ่ายค้าน มองประเด็นนี้อย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ก็ต้องมาพูดคุยกัน เพราะพรรคฝ่ายค้านมีหลายพรรคการเมืองไม่ได้มีแค่พรรคประชาชนพรรคเดียว จะต้องมาคุยกันว่าสุดท้ายแล้วจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อใด และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่ทางพรรคประชาชนได้มาทำหน้าที่เป็นฝ่ายตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เราจึงทราบว่าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากและใช้ได้แค่ปีละ 1 ครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ในเรื่องที่ทางพรรคคิดไว้อยู่แล้ว แต่ข้อเสนอที่ส่งไปตอนแรกเป็นการเรียกร้องให้ยุบสภาก่อน หากเร่งให้มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วก็จะติดปัญหาตรงที่ไม่สามารถยุบสภาได้ จึงต้องให้รัฐบาลพิจารณาตัวเองว่าควรจะยุบสภาหรือไม่ และสุดท้ายรัฐบาลก็เลือกที่จะไม่ยุบสภาแต่เลือกฟอร์มคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นมาแทน ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยว่าใครเป็นรัฐมนตรีบ้าง มีพรรคบางพรรคแย่งเก้าอี้กันเอง ทั้ง ๆ ที่ปัญหาที่เกิดขึ้นรัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และประชาชนเกี่ยวกับเรื่องคลิปเสียง เมื่อรัฐบาลไม่ได้สนใจข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านก็คงพิจารณาเพื่อตั้งคำถามไปยังรัฐบาลตั้งแต่การตั้งกระทู้ถาม ไปจนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงอยู่ที่จังหวะของการพูดคุยและช่วงนี้เป็นการปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งไม่สามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว หลังจากนี้จะมีการประชุมกับทุกพรรคร่วมฝ่ายค้าน และตนยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นแน่นอนแต่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ขอพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านก่อน ทั้งนี้จะไม่ได้มีประเด็นเรื่องคลิปเสียงระหว่างน.ส.แพทองธาร ชินวัตร และสมเด็จ ฮุน เซน อย่างแน่นอน ซึ่งรัฐบาลก็ต้องเตรียมรับมือเรื่องนี้เพราะไม่ได้สนใจ และรับผิดชอบการกระทำของตนเองเลย 

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในประเด็นที่มีการมองว่าพรรคภูมิใจไทยออกมาบอกแบบนั้นเป็นการปาดหน้าพรรคประชาชนหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบว่าทำไมทางพรรคภูมิใจไทยออกมาชิงแถลงว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน ตนมองว่าอาจจะเป็นความหวังดีของทางนั้นว่าอาจจะอยากแสดงความคิดเห็นในตอนนี้ ซึ่งตนไม่ได้มองตรงนั้นเป็นสำคัญ แต่มองว่าถ้าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมดก็ต้องเข้ามาพูดคุยกัน

TAGS: #รังสิมันต์โรม #พรรคฝ่ายค้าน #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #ซักฟอก #พรรคประชาชน