“พงศ์พรหม” อดีตรองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย ชำแหละทำไม รทสช.-ปชป.ตัดสินใจถอนตัวรัฐบาลช้า หลัง ภท.ตัดสินใจไว้ได้คะแนนความเป็นผู้นำเต็มๆ
นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า
ในฐานะที่ทำการเมืองมาบ้าง (แต่ไม่ใช่นักการเมืองนะ)
ขอแบ่งปันความเป็น leadership ของพรรคการเมืองต่างๆในสภาวันนี้
พรรคที่ได้ใจประชาชนที่สุดเมื่อวานนี้ คือพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศถอนตัวจากรัฐบาล
คือประกาศหย่ากับพรรคเพื่อไทยนั่นแหละครับ
ทั้งที่จริงๆแล้วก็มีข่าวจะแยกกันแต่แรก เพราะภูมิใจไทยโดนเพื่อไทยไล่บี้จะเอามหาดไทยให้ได้
จังหวะที่นายกพลาดเมื่อวาน ภูมิใจไทยก็ชิงลาออกในเวลาที่เหมาะพอดี พร้อมการโพสต์คำขวัญการรักชาติในเพจผู้บริหารพรรค
จังหวะดี ตัดสินใจดี ตัดสินใจไว ได้คะแนนความเป็นผู้นำเต็มๆ
ประชาธิปัตย์บ้าง
เหมือนเดิมครับ เชื่องช้า ไร้ทิศทาง ขนาดกระทรวงในมือไม่สำคัญ
แต่ก็เข้าใจครับว่า ผู้บริหารกลุ่มใหม่พรรคนำโดยคุณเฉลิมชัย เป็นกลุ่มโปรเพื่อไทย มีความสนิทสนมกลุ่มผู้กองธรรมนัส
เหตุการณ์เมื่อวานผมให้ประชาธิปัตย์ “สอบตก”
รวมไทยสร้างชาติ
ผมว่าคิดหนักสุด เพราะเจอศึก 4 ด้านอยู่แต่เดิม
ศึก 1 เพื่อไทยอยากถีบ รทสช.ทิ้งอยู่แล้ว จริงๆเหตุเมื่อวานน่าจะเป็นจังหวะดีให้ รทสช.ลาออกเลย
แต่
ศึก 2 อย่างที่ทราบ คุณพีระพันธ์ แม้บารมีส่วนตัวไม่ดี ด้วยบุคลิก แต่ก็กำลังทำสิ่งดีอยู่ คือ “รบ” กับนายทุนพลังงานยักษ์ ทั้งผ่านกระทรวง และนักการเมือง “ซื้อได้” ในพรรค
ศึก 3 คือการที่คุณขิง ไปเปิดหน้ารบทุนเทาเขมร จีน ไทย ไล่จับรายวัน การลาออกจากรัฐบาลจะทำให้ทุนเทา “ยิ้ม” ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินเฉียดพันล้านให้ “กบฏพรรค” รทสช.บางคน บางกลุ่ม
ศึก 4 กบฏพรรค “บางคน” นี่แหละครับ ที่รับเงินมาคว่ำคุณพีระพันธ์จากการรบนายทุนพลังงาน และคว่ำคุณขิงจากการรบทุนเทา
จริงๆเงินกบฏพรรค “บางคน” ที่ได้มา ก็จากเงินเทาฮุนเซนนั่นแหละ
ศึก 2-3 แก้ยาก
แต่ศึก 4 นี้แก้ได้โดยลาออกจากรัฐบาลเหมือนศึก 1 แต่ไม่ไล่กบฏออก
การตัดสินใจ รทสช.จึงยากกว่าประชาธิปัตย์มาก
เพราะ รทสช.อยู่ระหว่างการรบ
ส่วนประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรจะเสีย เว้นแต่ “ข่าวลือ” เรื่องมีคน “รับงานเขมร” มาตัดป่าไทยปีละเป็นแสนๆไร่
ถ้าเป็นจริง ก็แปลว่ามีคนขายชาติอยู่ในพรรคต่างๆอีกไม่น้อย