สว.สำรอง ยื่นหลักการ " 5 ไม่ " ให้ กตต. หวังสอบปม " คดีฮั้ว สว. " อย่างตรงไป ตรงมา

สว.สำรอง ยื่นหลักการ
สว.สำรอง ทวงความคืบหน้า ป.ป.ช. - กกต. สอบ " คดีฮั้ว สว. " หวังทำหน้าที่ไม่เอนเอียง

กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เดินทางมา ป.ป.ช.เพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้าการยื่นคำร้องให้มีการตรวจสอบจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภา ทั้งกรณีการยื่นให้ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ที่รับคดีหวยเลือกสวเป็นคดีพิเศษรวมถึงการยื่นให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 หยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำการนอกเหนืออำนาจหน้าที่ ใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติก้าวก่ายการทำหน้าที่ของข้าราชการ

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ทางกลุ่ม สว. มายื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.วันรุ่งขึ้นก็มีการรับเรื่องแต่คำร้องของคณะ สว. สำรอง มายื่นเรื่อง 2 ครั้งแต่ ป.ป.ช.ไม่ได้แจ้งว่าจะมีการรับเรื่องไว้พิจารณาแต่อย่างใด วันนี้จึงเดินทางมายื่นข้อเรียกร้องให้ ป.ป.ช. รับเรื่องของคณะสว.สำรองไว้พิจารณารวมกับเรื่องที่ทางกลุ่ม สว.ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไป ขณะที่กตรวจสอบกระบวนการฮั้วเลือก สว.ก็ได้มีการเรียกคณะบุคคลพยายามแทรกแทรกแซงกระขวนการตรวจสอบการฮั้วเลือก สว.จึงเกรงว่าจะมีความพยายามแทรกแซงการดำเนินคดีของ ป.ป.ช.ให้เป็นไปตามที่ทางกลุ่ม สว.ต้องการ จึงขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไปตามหลักการ กฎหมายอ่างเคร่งครัด ไม่เอนเอียงไปกับแรงกดดันแต่ยังหนึ่งอย่างใด จึงเรียกร้องให้ป.ป.ช.รับเรื่องที่คณะ สว.สำรองได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปเพื่อให้พิจารณาควบคู่กันไปเพราะเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน

ส่วนกรณี มือที่มองไม่เห็นแทรกแซงขบวนการตรวจสอบการฮั้วเลือก สว.นั้น พล.ต.ท.คำรบ ระบุว่า เชื่อว่า น่าจะเป็นกลุ่มเครือข่ายเดียวกัน มีการแบ่งงานมอบหมายงานกันทำ เนื่องจากขณะนี้การตรวจสอบกระบวนการฮั้วเลือก สว.พยานหลักฐานการดำเนินการ ก็เป็นระบบเป็นขั้นตอน ฝ่ายที่สูญเสียผลประโยชน์ก็คงพยายามใช้ความพยายามทุกวิถีทางเข้ามาแทรกแซง ซึ่งก็เห็นหลายครั้งในบางโอกาสก็เข้ามาแทรกแซง และเชื่อว่าขณะนี้ยังคงมีอยู่

เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ของ กกต.เรียกแกนนำและคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยเข้ารับทราบและชี้แจงแก้ข้อกล่าวหานั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ที่เรียกผู้เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหา เชื่อว่า ในส่วนของคณะกรรมการสืบสวนฯ คงจะมีหลักฐานที่ชัดเจนมั่นใจเพียงพอจึงเรียกรับทราบข้อกล่าวหา คงเป็นหน้าที่ของบุคคลที่ถูกเรียกต้องไปแก้ข้อกล่าวหาเอง บางคนอาจจะมีข้อกล่าวหาเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับหน้าที่และการเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร ตนเชื่อว่าการเรียกไปทุกคนคงต้องมีพยานหลักฐานแน่นหนาทุกคนจึงกล้าเรียกไป

ส่วนที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ไปพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีนั้น พล.ต.ท.คำรบ ระบุที่ไปยอมรับ ก็มีข้อเท็จจริงอยู่แล้ว ในทางการข่าวก็ทราบอยู่แล้วว่ามีท่านและมีผู้เกี่ยวข้องมีชื่ออื่นๆ อีก อย่างไรก็ตาม เมื่อปรากฏชื่อในที่สาธารณะและเจ้าตัวก็มารับเองก็คงจะเป็นข้อเท็จจริงที่รู้ดีว่าคืออะไร ตนเองจึงไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าไปรับกับนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ข้อเท็จจริงจะปรากฏในสำนวน

และในวันเดียวกันนี้ กลุ่ม สว.สำรอง ได้เดินทางไปที่ กกต.เพื่อติดตามการทำงานของ กกต. ต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ในคดีฮั้วเลือก สว. โดยได้ยื่นข้อเรียกร้อง 5 ไม่ ประกอบด้วย 1. ไม่ฟังเสียงสั่งการ หรือข้อขอร้องใดใดจากผู้หนึ่งผู้ใดที่อาจจะแอบอ้างสั่งการ หรือแอบอ้างชื่อเพื่อให้การกระทำที่นอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงหรือความจริงที่เกิดขึ้นขอให้ยึดมั่นยึดถือเรื่องใดถูกก็ขอให้เป็นถูกเรื่องใดผิดก็ขอให้เป็นผิดตัดสินอย่างตรงไปตรงมา 2. ไม่รับคำร้องขอหรือรับสิ่งตอบแทนใดใดไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมจากผู้ใดเพื่อกระทำการหรืองดเว้นการกระทำการนอกเหนือไปจากหน้าที่รับผิดชอบในการที่จะรักษาไว้ซึ่งความสุจริตและเที่ยงธรรมเพื่อให้การตรวจสอบการทุจริตเกี่ยวกับการเลือกสว.ครั้งนี้ให้เป็นไปตามกระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมายอย่างเที่ยงธรรมจนเสร็จสิ้นกระบวนการ

3.ไม่กระทำการสิ่งใดที่นอกเหนือจากหน้าที่รับผิดชอบตามที่กฎหมายกำหนดไม่ว่าจะมีแรงร้องขออ้อนวอน หรือแรงกดดันใดใด โดยตระหนักอยู่เสมอในจิตมโนสำนึกในการรักษาไว้ ซึ่งความสุจริตและเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมายตามคำขวัญของสำนักงาน กกต. 4. ไม่ลาออกก่อนกำหนดไม่ว่าด้วยเหตุผล หรือกรณีใดใดเพื่อคงไว้ซึ่งการดำเนินการตามภารกิจที่รับผิดชอบในการตรวจสอบการทุจริตในการเลือกสว. ให้เสร็จสิ้นโดยต้องรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิของตนและครอบครัวตลอดจนองค์กรคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ท่านเป็นผู้นำสูงสุดขององค์กรและเป็นแบบอย่างให้กับเจ้าหน้าที่ทั้งปวง

และ 5. ไม่ละทิ้งหน้าที่และประชาชนโดยต้องควบคุมสอดส่องการปฎิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกระดับในการตรวจสอบการทุจริตการเลือกสว.ครั้งนี้ให้สามารถดำเนินไปได้โดยปราศจากอุปสรรคใดใดและสนับสนุนอนุเคราะห์การดำเนินการผู้รับผิดชอบตลอดจนปกป้องและขัดขวางจากผู้ไม่หวังดีต่อกรณีกล่าวหาหรือร้องเรียนต่างๆ

เมื่อถามว่าที่ปรากฏรายชื่อแกนนำและผู้บริหารพรรคการเมืองร่วมอยู่ด้วยหมายความว่าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่เกี่ยวข้องกับพรรคแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.ท. คำรบ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าน่าจะที่สุดแล้วจากที่เห็นรายชื่อที่ปรากฏออกมา ซึ่งดูแล้วอาจจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง คาดว่าน่าจะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญที่สุดของพรรค

เมื่อถามว่าข้อมูลของคณะสว. สำรองที่มียังมีรายชื่อบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่นอกเหนือจากรายชื่อที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 แจ้งข้อกล่าวหา พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า มีข้อมูลอื่น แต่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องของ สว.โดยตรง ซึ่งในส่วนการดำเนินการทั้งหมดยังเกี่ยวข้องไปตั้งแต่ผู้สนับสนุนการเลือก การเลือกไขว้ มีการว่าจ้างตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ซึ่งยังมีอีกหลายส่วนเช่นกัน แต่ตนเข้าใจว่าในขั้นแรกคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนอาจจะมุ่งไปถึงคณะ สว.ตัวจริงที่อยู่ในสภาที่มีที่มาที่ไปอาจจะไม่สุจริตเที่ยงธรรมก่อนเพราะเป็นเรื่องของเกี่ยวกับการเลือกสว

และหลังจากนี้ยังมีข้อหาอั้งยี่ ฟอกเงินรวมถึงอาจจะมีข้อหา มาตรา 116 ข้อหาให้ประชาชนกระทำความผิด ซึ่งในส่วนนี้ยังมีคณะกรรมการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ที่มีอธิบดีดีเอสไอเป็นประธาน เข้าใจว่าหลังจากเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการเลือกสว.เมื่อได้ข้อสรุปเห็นภาพชัดเจน คณะทำงานร่วมกับกกตก็จะไปสวมหมวกเป็นคณะกรรมการในชุดที่มี 41 คน จะไปดำเนินการในเรื่องของเรื่องอั้งยี่ซ่องโจรต่อไป

TAGS: #คดีฮั้วสว #สมาชิกวุฒิสภา #ข่าววันนี้ #ข่าวการเมือง