"ศิริกัญญา"แนะ รัฐบาล เลิกแย่งเก้าอี้ มท.1 เอาเวลาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทยกับกัมพูชา กรณีการปรับเวลาเปิด-ปิด ว่า รัฐบาลต้องแสดงเจตจำนงต่อการบรรเทาและเยียวยาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการปิดด่าน โดยใช้งบกลางที่เบิกจ่ายไม่เต็มจำนวนที่สภาอนุมัติ เกือบแสนล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ใกล้ด่าน ขณะที่ในประเด็นแรงงานข้ามชาติขาดแคลน โดยอาจจะมีการผ่อนปรนMOUชั่วคราว เราสามารถที่จะมีการจัดเตรียมทางออกไว้ได้หากมีความพร้อมมากพอ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากสถานการณ์ลากยาวไปมองว่าเราจะมีความพร้อมเพียงพอหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า หากวัดสายป่านกันระหว่างฝั่งไทยกับกัมพูชาคิดว่าฝั่งไทยยาวกว่าแน่ๆ และผลกระทบทางฝั่งกัมพูชาน่าจะมากกว่าทางฝั่งไทยแม้ว่าจะสามารถหาสินค้าอื่นมาทดแทนได้ แต่ในเรื่องของแรงงานข้ามชาติ ไม่สามารถที่จะหาทดแทนกันได้ง่ายๆ
ส่วนกรณีสมเด็จฮุนเซนเปลี่ยนท่าทีจากการที่ไม่รับสินค้าไทยเลยมาเป็นแค่ไม่รับแค่ผัก-ผลไม้นั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องดูว่าจะเกิดเสียงต่อต้านมากน้อยแค่ไหน แต่ตนคิดว่าเป็นชาวกัมพูชาเองที่จะกังวลกับผลกระทบที่เกิดขึ้น
หากมีการปิดด่านอย่างถาวรทั้งหมด หรือไม่รับสินค้าไทยทั้งหมด เสียงจากประชาชน จะส่งผ่านจนทำให้ท่าทีอ่อนลงเองตามอัตโนมัติ หากกระทบกับปากท้องของประชาชนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไทยหรือกัมพูชา
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จุดแข็งอะไรที่จะนำไปต่อรองกับกัมพูชาโดยที่ไม่ต้องใช้สงคราม น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เรื่องการค้าชายแดนและการแชร์สาธารณูปโภคต่างๆ อินเตอร์เน็ต ไฟฟ้า
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องทางเศรษฐกิจที่น่าจะมีน้ำหนัก ที่จะทำให้การเจรจาพูดคุย และท่าทีของกัมพูชาอ่อนลงได้ โดยที่ไม่ต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร
เมื่อถามถึง การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่นายกรัฐมนตรีเรียกคืนกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) น.ส.ศิริกัญญา มองว่า เราเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เป็นสาระมาสักระยะหนึ่ง ตนอยากให้สังคมก้าวข้ามเรื่องการปรับ ครม. แล้วมาโฟกัสเรื่องที่ใหญ่กว่า เพราะมีอีกหลายเรื่องที่รอให้รัฐบาลตัดสินใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นกับรัฐวิสาหกิจ ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 70 เปอร์เซ็นต์ เช่น บริษัทท่าอากาศยานไทย ปัญหาเศรษฐกิจที่จะตามมา หลังจากมีการปะทะกันของฝ่ายไทย-กัมพูชา เราต้องการสมาธิจากฝั่งรัฐบาลมากกว่าการปรับครม. ซึ่งไม่รู้ว่าปรับไปแล้วปากท้องของประชาชนจะดีขึ้นอย่างไร