เลขาฯพรรคก้าวไกล แถลงประกาศเป้าหมาย 160 ที่นั่ง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลดัน “พิธา” นั่งนายกฯ เปลี่ยนประเทศ โค้งสุดท้ายจัดคาราวานก้าวไกล พบ ประชาชนทั่วประเทศ ส่งท้ายปราศรัยใหญ่ 12 พ.ค.
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนจะเลือกด้วยความหวัง ไม่ใช่ความกลัว เลือกเพื่อความเปลี่ยนแปลง เพื่อก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่ย้อนกลับไปสู่อดีต ก้าวไกลต้องได้ ส.ส.จำนวน 160 ที่นั่ง เพื่อให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี และก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง
“ตัวเลข 160 ที่นั่ง จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งคาดว่าทะลุ 35 คน ที่เหลือได้จาก 160 เขตยุทธศาสตร์ทั่วประเทศ”
ส่วนประเด็น “ชนะการเลือกตั้งแต่อาจแพ้จัดตั้งรัฐบาล” เลขาธิการพรรคก้าวไกลบอกว่า สถานการณ์ต่างกับปี 2562 หากดูแนวโน้มจากโพล โพลฝ่ายความมั่นคง และโพลจากพรรคการเมือง แนวโน้มชัดเจนว่าฝ่ายขั้วรัฐบาลเดิมจะไม่ได้ ส.ส.180 ที่นั่ง ขณะที่สองพรรคฝ่ายค้านหลักคือ ก้าวไกลและเพื่อไทย เสียงรวมกันน่าจะได้ถึง 300 เสียง ดังนั้น อันดับหนึ่งของขั้วรัฐบาลเดิมจะห่างจากพรรคอันดับหนึ่งอย่างเพื่อไทยมาก ๆ
“ไม่ต้องกลัวเรื่องการตัดเสียงกันระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล เพราะจากการสำรวจโพลต่าง ๆ เพื่อไทยกับก้าวไกลมีคะแนนเสียงเฉลี่ยรวมอยู่ที่ร้อยละ 70 ต่างจากปี 2562 ที่ได้เพียงร้อยละ 50 ดังนั้น เมื่อสองพรรครวมกันเกินร้อยละ 70 จะเกิดสถานการณ์เรือล่มในหนอง ไม่เกิดสถานการณ์ตาอยู่เอาไปกิน”
ที่สำคัญเมื่อคะแนเสียง 2 ขั้วรวมกันไม่ใช่ปริ่มน้ำแต่จะเป็น 300 ++ ดังนั้นความชอบธรรม ในการจัดตั้งรัฐบาล เสียงข้างน้อยจับขั้วรัฐบาลจึงเป็นไปได้ยากมาก
เมื่อถามว่าพรรคมีเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112 ไม่สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทย จะมีการปรับลดอย่างไรนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคก้าวไกลได้ยื่นค้างไว้ในสภา หากสภาเปิด ถ้าก้าวไกลก็จะขอให้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลดเงื่อนไขในการดำเนินการเรื่องนี้
“และคิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน สิ่งที่พระก้าวไกลอยากจะเห็นคือการทำข้อตกลงร้วมกัน หรือ MOU ในประเด็นใหญ่ร่วมกันเช่นต้องมีคำมั่นสัญญาว่าจะมีการจัดทำประชามติ ถามประชาชนว่าต้องการจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยมี สสร. ขึ้นมายกร่างหรือไม่ จะปฏิรูปกองทัพโดยเริ่มต้นจากการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร รวมถึงวาระสำคัญๆเช่น สุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม รวมถึงเรื่องของกฎหมายปลดล็อกท้องถิ่น ให้กระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น”
ส่วนมั่นใจแค่ไหนว่าคะแนนในโลกออนไลน์จะเป็นคะแนนจริงนั้น เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ทั้งสามย่านมิตรทาวน์ชลบุรีและในหลายๆจุดจะเห็นว่าโลกออนไลน์กับ on Ground ไปด้วยกัน ส่วนที่กล่าวหาว่ามีการปั่นกระแสเป็น io นั้นเชื่อว่าคนที่อยู่ในโลกออนไลน์ จะแยกออกและมองว่าพรรครัฐบาลปัจจุบัน คงมีพฤติกรรมที่ถนัด ใช้ io สร้างกระแส ข้อมูลเท็จ ดังนั้นขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่ทำเรื่องเช่นนี้ และอย่าว่าแต่ io เลยการซื้อโฆษณา บน Facebook ยังไม่ซื้อด้วยซ้ำ
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลเดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย ท่ามกลางกระแสการตอบรับที่ล้นหลาม ทางพรรคจึงจัดคาราวานก้าวไกล ถนนทุกสาย มุ่งสู่ทำเนียบฯ แบ่งเป็น 5 สาย
ภาคเหนือ : สายมาเหนือ นำโดย ชัยธวัช ตุลาธน, พรรณิการ์ วานิช, และ กรุณพล เทียนสุวรรณ
ภาคใต้ : สายในใต้หล้า นำโดย รังสิมันต์ โรม, และ พริษฐ์ วัชรสินธุ
ภาคตะวันออก : สายบูรพาไม่แพ้ นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ศิริกัญญา ตันสกุล, เบญจา แสงจันทร์, และ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ภาคอีสาน : แบ่งออกเป็น 2 สาย คือ สายเลือดอีสาน นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, และอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล และสายมิตรภาพ นำโดย ปิยบุตร แสงกนกกุล, ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์, และ อภิชาติ ศิริสุนทร
สำหรับคาราวานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้กาก้าวไกลทั้ง2 ใบเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ จากนั้นมาคาราวานแต่ละสายจะมาบรรจบเวทีปราศรัยใหญ่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง ในวันที่ 12 พ.ค.นี้ เพื่อส่งก้าวไกลสู่ทำเนียบรัฐบาล