มติศาลรธน. ขีดเส้น 15 วัน สั่ง อสส. ปมณฐพร ยื่นฟัน กกต.-ภท. ยันชื่อเนวิน-กรุณา พร้อมตีตกคำร้อง"คำรบ"ปมคัดค้านสมาชิกภาพ"สว.ฉัตรวรรษ"
ศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณากรณี นายณฐพร โตประยูร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ถูกร้องที่ 1) และเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ถูกร้องที่2) จัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภาไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรรมตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือสนับสนุน และเนื้อประโยชน์ให้พรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 3) กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 4) สมาชิกวุฒิสภา (สว.) รายชื่อปรากฏตามสำนวนการสอบสวนของ กกต. (ผู้ถูกร้องที่ 5) นายเนวิน ชิดชอบ (ผู้ถูกร้องที่ 6) นางกรุณา ชิดชอบ (ผู้ถูกร้องที่ 7) นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ กับพวก (ผู้ถูกร้องที่ 8) นายศุภชัย โพธิ์สุ (ผู้ถูกร้องที่ 9) น.ส.วาริน ชิณวงศ์ (ผู้ถูกร้องที่ 10 ) นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ (ผู้ถูกร้องที่ 11) และ นายสุบิน ศักดา (ผู้ถูกร้องที่ 12) ร่วมกันกระทำการโดยทุจริตในกระบวนการเลือกสมาชิก ผู้ถูกร้องที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 เป็นผู้ดำเนินการวางแผนและควบคุมกระบวนการทุจริตการเลือกส.ว. ตั้งแต่การคัดเลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ซึ่งดำเนินการจัดเตรียมผัสมัครไว้ล่วงหน้าจากทุกกลุ่มอาชีพโดยการว่าจ้าง และจัดทำโพยการฮั้วให้ผู้สมัสมัครลงคะแนนเลือก โดยประชุมวางแผนเกี่ยวกับวิธีการลงคะแนนเป็นการลับในสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนที่พัก ยานพาหนะและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเลือก สว.ระดับประเทศ ซึ่งผลการเลือก สว.เป็นไปตามโพยการฮั้วดังกล่าว ทำให้ได้มาซึ่ง สว. จำนวน 138 คน และสำรองอีก จำนวน 2 คน อันเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ผู้ถูกร้องที่ 5 และที่ 8 ถึงที่ 12 เป็นผู้ดำเนินการตามแผนการทุจริตการเลือก สว. ดังกล่าว อันเป็นผลให้ผู้ถูกร้องที่ 5 ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็น สว.แต่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวด้วยความไม่เป็นกลางทางการเมือง ไม่ชื่อสัตย์สุจริต และไม่เป็นไปตามกฎหมาย อีกทั้งเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ถูกร้องที่ 3 ต่อการลงมติในประเด็นต่าง ๆ ของวุฒิสภา อันเป็นการกระทำที่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง การกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงที่ 12 มีความเชื่อมโยงกัน และร่วมกันทำเป็นขบวนการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาเพื่อใช้อำนาจปกครองประเทศโดยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธธรรมนูญ
ผู้ถูกร้องที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ยังคงใช้อำนาจที่ได้มาโดยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในการปกครองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และหากยังคงใช้อำนาจดังกล่าวต่อไปจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและเป็นภยันตรายต่อการปกครองระบอบประชาธิบไตย อันเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 15 พ.ค.68 แต่อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสาม ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงที่ 12 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสั่งให้เลิกการกระทำดังกล่าว และสั่งให้ผู้ถูกร้องที่ 1ที่ 2 ที่5 รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย และสส.พรรคภูมิใจไทย (รายชื่อตามสำนวนการสอบสวนของสำนักงาน กกต.) หยุดปฏิบัติหน้าที่นับตังแต่วันที่ศาลรัฐธรรมญรับคำร้อง จนกว่าจะมีคำจะมีคำวินัย
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของ
ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในชั้นนี้ ให้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไร และรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
นอกจากนี้ มีการพิจารณาคำร้องกรณี พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว และคณะ ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 51/2568 ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับคำร้องเดิมเรื่องการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
ผู้ร้องยื่นคำร้องในนาม "คณะบุคคล" ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 41 และอ้างอิงมาตรา 7 (5) ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าการดำรงตำแหน่งของ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร และคณะ สมาชิกวุฒิสภา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (3) ประกอบมาตรา 185 (1) ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พร้อมขอให้มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างรอคำวินิจฉัย
คำร้องที่ พล.ต.ท. คำรบ ปัญญาแก้ว และคณะ ยื่นเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2568 เป็นคำร้องต่อเนื่อง จาก เรื่องพิจารณาที่ 11/2568 ซึ่งเป็นคดีเดิมที่เกี่ยวข้องกับ การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา โดยก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ไม่รับคำร้องเดิมไว้พิจารณา และออกเป็นคำสั่งที่ 51/2568
ผู้ร้องจึงพยายามยื่นคำร้องใหม่เพื่อ คัดค้านคำสั่งเดิม (คำสั่งที่ 51/2568) โดยใช้สถานะ “คณะบุคคล” แทนการยื่นในนามสมาชิกสภา แต่ศาลเห็นว่า ไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะอุทธรณ์หรือยื่นคำร้องใหม่ ในประเด็นเดียวกันนี้ได้อีก จึงมีมติ ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย อีกครั้ง