โฆษกเพื่อไทย ย้ำชัด อำนาจปรับ ครม. เป็นของนายกฯ ส่วนจะสลับกระทรวงหรือไม่ต้องดูตามความเหมาะสม มั่นใจรัฐบาลอยู่ครบวาระถึงปี 70 บอกผลโพล เท้ง นำนายกฯ เป็นเรื่องปกติ
ที่พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวประจำสัปดาห์ กรณีการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า การปรับคณะดนตรีเป็นอำนาจโดยชอบธรรมของ นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพียงผู้เดียว พรรคเพื่อไทยพร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลง และเชื่อว่านายกฯ จะตัดสินใจปรับอย่างไรแต่ตัวตั้งคือประชาชน อาทิตย์ที่ผ่านมามีการผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 69 การปรับ ครม. จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น อยู่ที่นายกฯ จะเห็นสมควร นายกฯ จะพิจารณาตามความเหมาะสมกับเหตุการณ์บ้านเมือง เหตุการณ์โลกในปัจจุบัน ถ้าจะมีการปรับต้องปรับให้ให้สอดคล้องกับงบประมาณ สอดคล้องกับปัญหาที่ไทยกำลังเผชิญ
ส่วนที่มีการพูดถึงว่าจะมีการปรับ ครม. สลับกระทรวงหรือไม่นั้น เป็นสิทธิ์ของนายกฯ แต่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล มีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค เห็นจากเสียงโหวต 322 เสียง ที่เห็นชอบงบประมาณ การจะปรับกระทรวง หัวหน้าพรรคในฐานะนายนายกรัฐมนตรี และผู้ใหญ่พรรค จะมีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรคถ้ามีการปรับ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายกฯ ได้เตรียมพร้อมทำงานหนักเพื่อประชาชน
“เราหวังว่ารัฐบาลชุดนี้จะเดินถึงสุดทางของสมัยประชุมนี้ และรอรับการเลือกตั้งในปี 2570 ขอทุกคนสบายใจว่า เป็นหน้าของนายกฯ ไม่ว่าจะปรับอย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและความเหมาะสม”
เมื่อถามว่า ดุสิตโพลเปิดเผยความนิยมความโดดเด่นของนักการเมืองฝ่ายค้านและรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นอันดับหนึ่งของฝั่งรัฐบาล ส่วนฝ่ายค้านคือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แต่คะแนนนำนายกฯ สะท้อนภาพอะไรหรือไม่ นายดนุพร เผยว่า ความนิยมอาจเป็นไปได้ว่าประชาชนเป็นห่วงในเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจ ที่เผชิญทั้งภาษีทรั้มป์ วิกฤตสงคราม จึงเกิดความกังวลและเคลือบแคลงสงสัยว่ารัฐบาลนี้จะนำพาประเทศไปได้หรือไม่ เมื่องบประมาณปี 69 ผ่านสภาแล้ว เรามีการชะลองบดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อนำเงิน 157,000 ล้าน มากระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อเม็ดเงินลงมากระจายตัวแล้วจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ความมั่นใจของ นายกฯ คงจะกลับมาอยู่ในใจประชาชน
“เป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองที่มีการสำรวจ ทุกไตรมาสมีขึ้นลงแบบนี้ทุกครั้ง เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าผลโพลจะออกมาอย่างไร นายกฯ จะทำงานหนักต่อไป และจะพักดันนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลให้ประชาชน”
นายดนุพร กล่าวอีกว่า กรณีที่สภาฯ ผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี พรรคเพื่อไทยต้องขอขอบพระคุณ สส.ทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ได้ร่วมอภิปรายงบประมาณ มีการชี้ให้เห็นหลายช่องที่จะตรวจสอบงบประมาณ
รวมถึงงบที่ไม่จำเป็นต่างๆ ได้มีการนำเสนอในสภาฯ ถือว่าตนต้องขอบพระคุณทั้งฝ่ายค้านและหวังว่าฝ่ายค้านเอง เราก็จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปนั่งพูดคุยกันในชั้นกรรมาธิการ
นอกจากนี้ ต้องขอบพระคุณข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่ทำงานหนักมาตลอด สภาประชุมประมาณ 4 วัน แต่ก่อนหน้านั้น ข้าราชการทำงานหนักมาก
ทั้งนี้ เรายังต้องขอบพระคุณ ส.ส. สนับสนุนทุกท่านที่ร่วมกันลงมติให้ พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม 20 บาท ตลอดสาย โดยจะได้นำเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ คาดว่าภายในเดือน ก.ย.นี้ คน กทม. จะได้เดินทาง 20 บาทตลอดสาย ประหยัดเงิน
“กฎหมายนี้พวกเราตั้งใจทำ พรรคเพื่อไทยหาเสียงตั้งแต่ปี 2566 ว่าอยากลดค่าใช้จ่ายการเดินทางของพี่น้องประชาชน แล้วก็หวังว่านอกจากจะลดค่าใช้จ่ายแล้ว จะช่วยในเรื่องการจราจรในกรุงเทพมหานคร และช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้วย
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อช่วงที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยขอเป็นกำลังใจให้กับทหารที่ปกป้องอธิปไตยประเทศอย่างแข็งขัน และก็เชื่อว่าคนไทยทุกคนก็ร่วมใจขอบคุณทหารกล้าด้วยเช่นกัน โดยเมื่อเราได้รับข่าวสารเรื่องการปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค. จากนั้นวันที่ 29 พ.ค. ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศ ได้พบปะพูดคุยกัน จากนั้นก็ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นอีกเลย จึงอยากฝากพี่น้องประชาชนว่าเจ้าหน้าที่ทหารพยายามทำงานเต็มที่เพื่อให้เหตุการณ์เข้าสู่ความสงบสุขโดยเร็ว แต่ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนเช่นกันในโลกออนไลน์มีข่าวปลอม ข่าวปั่นปลุกปั่นอยู่มากมาย จึงฝากพี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
ซึ่งในส่วนทางพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม ทราบว่าทุกฝ่ายจะพยายามทำงานเต็มที่เพื่อให้ปัญหาการกระทบกระทั่งชายแดนเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนทั้งความมั่นคง ไม่กระทบกระเทือนการค้าขายชายแดนและขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์กระทบกระทั่งนั้นจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก