"พิชัย" แจงสภาฯ มั่นใจส่งออกครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง เร่งเจรจา FTA-สหรัฐ ป้องกันผู้ประกอบการไทย

รมว.พาณิชย์ แจงสภาฯ  ย้ำความสำเร็จส่งออกไทย 7 เดือนแรกโต 12.5% เดินหน้าเจรจาการค้า FTA และแก้ปัญหาการแข่งขันไม่เป็นธรรม พร้อมเปิดรับข้อเสนอทุกฝ่ายเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยตอบข้อซักถามของสมาชิกเกี่ยวกับแนวโน้มการส่งออกที่อาจลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี การแข่งขันการค้าอย่างไม่เป็นธรรม และแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวงฯ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นายพิชัย ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนผ่านตัวเลขส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาลนี้ การส่งออกของไทยขยายตัวถึง 12.5% โดยในเดือนเมษายน 2568 ขยายตัวได้อีก 10.2% สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งของการส่งออกไทย ไม่ได้เป็นผลเฉพาะจากการเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ ตามที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกต

“ผมขอยืนยันว่าการส่งออกคือกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย หากไม่มีการเติบโตทางการส่งออก เศรษฐกิจประเทศจะขยับขยายได้ยาก” นายพิชัยกล่าว พร้อมระบุว่ากระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้าเจรจามาตรการภาษีสหรัฐฯ ต่อเนื่อง ซึ่งตนพึ่งได้พบกับ นายเจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่เกาหลีใต้ และจากภาพและคลิปจะเห็นภาษากายที่แสดงถึงความคุ้นเคยและติดต่อกันมานานแล้ว 

ขณะที่ไทยได้ขับเคลื่อนการเจรจา FTA ต่อเนื่อง เพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้า ลดต้นทุนการส่งออก เพิ่มการใช้สิทธิประโยชน์ FTA โดยเฉพาะในกลุ่ม SME ได้ปิดดีล FTA ไทย–EFTA และไทย–ภูฏาน พร้อมผลักดัน FTA ใหม่ให้เสร็จโดยเร็ว เช่น เกาหลีใต้ UK แคนาดา ในส่วน ไทย–EU ตนมีนัดพบกับนายมารอส เซฟโควิช กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ เพื่อผลักดันให้การเจรจา FTA กับ EU สำเร็จเร็วที่สุด โดยตั้งเป้าปิดดีลภายในปีนี้ 

ในด้านการคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม นายพิชัยระบุว่า กระทรวงฯ ได้เตรียมใช้มาตรการทางการค้า อาทิ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (AD-CVD) มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (AC) และมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard - SG) เพื่อป้องกันสินค้าราคาต่ำที่ส่งผลต่อผู้ประกอบการไทย

นายพิชัยยืนยันว่าการเจรจากับสหรัฐฯ มีความคืบหน้า แม้ฝ่ายค้านจะตั้งข้อสงสัย โดยมีหลักฐานการติดต่อและพบปะกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แล้ว พร้อมแสดงความมั่นใจว่าการเจรจาจะนำไปสู่ความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายในระยะยาว

ในด้านสินค้าเกษตร นายพิชัยยอมรับว่าราคาสินค้าเกษตรยังคงเผชิญแรงกดดันจากตลาดโลก โดยเฉพาะราคาข้าวที่อินเดียส่งออกในราคาต่ำ ส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกร่วมกัน เช่น ไทยและเวียดนาม อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งขยายตลาด เช่น การขายข้าวไปแอฟริกา 410,000 ตัน และการทำตลาดแบบในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในงาน Thai Rice Convention 2025 ซึ่งขายได้ถึง 600,000 ตัน เพื่อระบายสต็อกและรองรับการผลิตใหม่

สำหรับมันสำปะหลัง นายพิชัยระบุว่า จีนซึ่งเป็นตลาดหลักลดการนำเข้าอย่างมากเนื่องจากราคาข้าวโพดโลกตกลงถึง 37% ทำให้เปลี่ยนมาใช้ข้าวโพดผลิตแอลกอฮอล์แทน โดยกระทรวงฯ กำลังหาวิธีผลักดันการตลาดใหม่และช่วยลดต้นทุนเกษตรกรผ่านโครงการขายปุ๋ยราคาถูกกว่า 10 ล้านกระสอบ นอกจากนั้น กรมการค้าต่างประเทศ ยังได้ขยายตลาดสินค้ามันสำปะหลัง เช่น ได้ลงนามทำสัญญาซื้อขายมันสำปะหลังกับผู้นำเข้ารายใหญ่จีน ซึ่งตั้งแต่ม.ค-พ.ค. 2568 ได้อนุญาตส่งออกสินค้ามันเส้น และมันอัดเม็ดไปแล้วประมาณ 3.5 ล้านตัน สามารถดูดซับหัวมันสดในประเทศได้กว่า 8.34 ล้านตัน และสัปดาห์ที่แล้ว ก็สามารถขายมันสำปะหลังให้กับผู้นำเข้ารายใหญ่ของซาอุดีอาระเบียได้อีก 2 หมื่นตัน มูลค่า 136 ล้านบาท 

ในเรื่องผลไม้ กระทรวงได้ขับเคลื่อนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ผ่าน 7 มาตรการ 25 แผนงาน ในช่วงนี้ได้เน้นอำนวยความสะดวกในการส่งทุเรียนไปยังตลาดจีน การหาตลาดใหม่ๆ ในการส่งออกผลไม้ไทย ได้รับความกรุณาจากท่านนายกฯ kick off  งาน Thai Fruit Festival 2025 พร้อมกันทั่วประเทศ  เพื่อเชิญชวนประชาชนบริโภคผลไม้ไทย เพื่อสนับสนุนรายได้ให้เกษตรกร

ทั้งนี้ นายพิชัยยังขอบคุณข้อเสนอแนะจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์เปิดรับทุกข้อคิดเห็นเพื่อร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า โดยเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารจะเป็นพลังสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย
 

TAGS: #พิชัย #สภาฯ #ส่งออก # FTA #ภาษีสหรัฐ #ผู้ประกอบการ