"พิชัย" ย้ำจัดงบปี69 มุ่งแก้โครงสร้างเศรษฐกิจ-ฝาก สส. ช่วยแปรญัตติเพิ่ม ยันจีดีพีปีนี้ยังพอไหว 

"พิชัย" ยอมรับฐานะคนไทย กังวลในสถานการณ์ประเทศ ฝาก "สส." แปรญัตติงบฯ69 เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ย้ำรายการเสนอขอเพราะ สส.-พื้นที่ขอมา มั่นใจจีดีพีปีนี้ตรงเป้า หวังกู้คืนความเชื่อมั่นนักลงทุนในอนาคต

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลุกขึ้นชี้แจงในการประชุมสภาฯพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ว่า ตนก็กังวลในฐานะคนไทยคนหนึ่งและขณะเดียวกันก็เข้าใจสถานการณ์ และคิดว่าปัญหาที่เราเห็นทุกวันนี้ต้องแก้ไขให้ได้ ทุกคนอยากเห็นประเทศไทยกินดีอยู่ดี มีการใช้จ่ายที่เติบโต ซึ่งอาจหมายถึงโครงสร้างทางการผลิต ทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยแคบลง โดยโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยในอดีต ช่วงที่จีดีพี 6 - 10% หรือในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา หน้าที่ของภาครัฐมีหน้าที่ประกอบธุรกิจ ไม่มีหน้าที่ในการลงทุนและส่งออก ต้องทำให้โครงสร้างต่างๆ มีความพร้อม เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและลดค่าใช้จ่ายให้กับภาคเอกชน โดยในช่วงนั้นการลงทุนทั้งหมดมีประมาณ 40% บวกลบของจีดีพี การลงทุนของภาคเอกชนสูง แต่ในวันนี้ ช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในประเทศไทยหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งการลงทุนจากภาคเอกชนหายไป ผู้นำหายไป มองไม่เห็นการส่งออก ไม่เกิดการจ้างงาน ส่วนสินค้าหรือบริการที่เราส่งออกมีคุณค่าน้อย โดยเฉพาะภาคการเกษตร สินค้าบางอย่างในราคา 100 บาท ต้นทุนอาจอยู่ที่ 90 - 100 บาทด้วย ถือเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างในการลงทุนภาคเกษตรกรรม

นายพิชัย ระบุว่า การขาดดุลของเราเมื่อมองจากภายนอก ขาดดุลมา 850,000 ล้านบาท ติดกัน 2 ปี หากมองจากมุมมองข้างนอกก็สูง เพราะขาดดุลกว่า 4% ซึ่งปกติไม่ควรเกิน 3.25 - 3.5% ในเงินจำนวนนี้มีการคืนเงินต้นอยู่ด้วย 150,000 ล้านบาท โดยเมื่อหักลบกันแล้วเราก็ขาดดุลอยู่ประมาณ 3% กว่า ตนกำลังดูอยู่ว่าในข้างหน้ามีการปรับการขาดดุลทุกปี

นายพิชัย ย้ำว่า ในปีนี้เรามีงบรายจ่ายประจำ ซึ่งพยายามลดให้ได้ โดยส่วนใหญ่งบประมาณส่วนนี้ผูกพันกับงบข้าราชการทั้งนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เรื้อรังมาอย่างยาวนาน หนี้เหล่านี้ ในทางปฏิบัตินำหนี้เหล่านี้มารวมในหนี้สาธารณะทั้งหมด

“แม้จะมีเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปมีการตั้งเป้าจีดีพีให้เกิน 3% แต่ในวันนี้ก็มีการปรับลงมา แต่ตนเองก็คาดว่าในปีนี้การเก็บรายได้ของเราน่าจะอยู่ในเป้าหมายได้ เพราะฉะนั้น เงินขาดดุลคงคลังคงมากไปกว่าเดิม ยืนยันว่ามีการปรับหลายอย่างเพื่อเดินไปข้างหน้า การทำงบ 69 ทำตามพื้นฐานเดิม และอยากให้ สส. ช่วยกันดูแลงบให้ละเอียด เราสามารถจัดสรรเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างได้ ”

นายพิชัยกล่าวว่าสิ่งต่าง ๆที่เสนอขึ้นมานี้ในพื้นที่ทั้ง สส. เขต และเจ้าหน้าที่เคยเสนอขึ้นมา โดยส่วนใหญ่มากกว่า 90% อยู่ในส่วนที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมใส่ไว้ในตะกร้าแล้ว ตนมามองดูแล้วมีจำนวนถึง 4 ล้านล้านบาท บางโครงการเป็นระยะยาว ระยะปานกลาง ปัญหาคือต้องมีการแก้ระบบน้ำ ระบบไฟ และการขนส่งคมนาคมอย่างถาวร เช่นเดียวกับเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งต้องเปลี่ยนวิธี เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว

ดังนั้น การจะเปลี่ยนงบประมาณคงต้องนำมาดู แต่ก็ยังเชื่อว่างบประมาณเหล่านี้จะสนับสนุนให้เอกชนเกิดความรู้สึกที่มีเชื่อมั่น และมั่นใจในการลงทุนวันข้างหน้า จึงเชื่อว่างบประมาณนี้เป็นตัวเริ่มต้นจากสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป เราคงต้องปรับเปลี่ยนใหม่ให้โครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพาในประเทศมากยิ่งขึ้น และต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่แก้ได้จากงบประมาณรัฐ มาตรการการลงทุนผ่านกองทุนของเอกชน โดยเอกชนลงทุนส่วนหนึ่ง และรัฐลงทุนอีกส่วนหนึ่ง
 

TAGS: #พิชัยชุณหวชิร # รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง #ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี #2569 #สภา