“ ทนายยิ่งลักษณ์ ” ไม่ท้อ เดินหน้าต่อ ทวงความยุติธรรมคดีจำนำข้าว

“ ทนายยิ่งลักษณ์ ” ไม่ท้อ เดินหน้าต่อ ทวงความยุติธรรมคดีจำนำข้าว
“นรวิชญ์” เตรียมยื่นหลักฐานการขายข้าวตั้งแต่ยุครัฐบาลพลเอกกประยุทธ์-เศรษฐา เพื่อขอพิจารณาคดีใหม่ใน 90 วัน ชี้ ทำเต็มที่เพื่อขอความเป็นธรรมให้ “ยิ่งลักษณ์”

นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความส่วนตัวของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลปกครองสูงสุดอ่านคำพิพากษา ว่า ในส่วนของคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ถ้าเปรียบเทียบกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว จะเห็นว่ามีส่วนหนึ่งที่เหมือนกันในข้อหนึ่ง คือตามคำสั่งของกระทรวงการคลังที่ 1351/59 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ รับผิดในโครงการจำนำข้าวปีการผลิต 2555/56 ปีการผลิต 2556/57 จำนวน 178,000 กว่าล้านบาท ให้รับผิดชอบ 20% คือ 35,000 ล้านบาท ในคำพิพากษาของทั้งสองศาลตรงกันคือไม่ต้องรับผิด เพราะการคำนวณในส่วนนี้ เป็นผลการคำนวณจากการขาดทุนทั้งสองโครงการ

นายนรวิชญ์ ระบุว่า แต่ที่แตกต่างจากคำพิพากษาในส่วนของคำสั่งศาลตั้งต้นคือให้รับผิดในส่วนขั้นตอนการระบายข้าวว่ามีการทุจริต จึงต้องรับผิดในส่วนนี้ ซึ่งขั้นตอนการระบายข้าว อยู่ในขั้นตอนของฝ่ายปฏิบัติ ซึ่งมีคณะอนุการระบายข้าวเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน 

อย่างไรก็ดี คำพิพากษาในส่วนที่ให้รับผิดใน 10,028 ล้านบาทนั้น จะเห็นได้ว่าวันที่มีการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จะเห็นได้ว่ามีข้าวคงเหลือในคลังประมาณ 18.9 ล้านตัน ส่วนนี้เองคำสั่งของกระทรวงการคลังบอกว่าถ้าราชการระบุไว้เลยว่า หากขายข้าวได้ในราคาที่สูงกว่ามูลค่าที่คณะอนุการระบายข้าวปิดบัญชีคำนวณไว้ณวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก็สามารถนำมาหักทอนกับที่ต้องรับผิดชอบได้

นายนรวิชญ์  ว่า ปัจจุบันนี้ข้าว 18.9 ล้านตัน ได้ขายหมดแล้วในรัฐบาลนี้ ซึ่งมีบางช่วงที่ข้าวจำนวนนี้หากขายจริงจะได้กิโลกรัมละประมาณ 25 บาท โดยหักขายได้ทั้งหมดจริง ๆ จะเป็นเงิน 250,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาหักทอนในจำนวนนี้ จึงทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ อาจจะไม่ต้องชดใช้เลย ตนเองในฐานะทนายความเห็นว่าการจำหน่ายข้าวหรือขายข้าวในส่วนนี้เป็นพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งทนายพยายามยื่นไปในคดีนี้แล้ว แต่การยื่นนั้นสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงแล้ว ศาลจึงไม่รับ ซึ่งเราต้องมีการหารือกันว่าจะนำประเด็นดังกล่าว ไปขอพิจารณาคดีใหม่ได้หรือไม่ ต้องดำเนินการจนถึงที่สุด เพื่อขอคืนความเป็นธรรมให้นางสาวยิ่งลักษณ์

การขอหักลบกลบหนี้ได้นั้นจะต้องขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งมีข้อเท็จจริงว่าขายได้ แต่จะขายได้จำนวนเท่าไหร่นั้น ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการของศาลอีกครั้ง ส่วนจะขยายกรอบระยะเวลาในการชดใช้หนี้ 10,028 ล้านบาทออกไปหรือไม่นั้น ต้องบอกว่าการขอพิจารณาใหม่เป็นการดำเนินการตามกฏหมายซึ่งต้องยื่นภายใน 90 วันตามมาตรา 75 ของ พ.ร.บ. จัดตั้งและวิธีพิจารณาคดีปกครอง โดยส่วนของศาลปกครองได้จบลงไปแล้ว

ส่วนทรัพย์ที่มีการยึดและอายัดไปนั้น มีการขายไปเกือบหมดแล้ว ซึ่งตนเองจำไม่ได้ว่ามีมูลค่าเท่าไหร่ โดยตามคำพิพากษาให้ยกคำสั่งกระทรวงการคลังในส่วนที่เกิน 10,028 ล้านบาทนั้น โดยราคาข้าวที่ไปทั้งหมดตั้งแต่สมัยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จนถึงล่าสุด ขายได้กว่า 1 แสนล้านบาท

เมื่อถามว่าหากมีการยื่นหลักฐานใหม่เพื่อขอพิจารณาคดีใหม่แล้วศาลไม่รับจะถือว่าคดีสิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ นายนรวิชญ์ กล่าวว่า ตามหลักเป็นแบบนั้น แต่เราก็พยายามสู้ให้เต็มที่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการรายงานนางสาวยิ่งลักษณ์ แต่ท่านคงได้เห็นตามข่าวแล้ว

นายนรวิชญ์ ยังระบุอีกว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวที่นางสาวยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับประเทศไทยหรือไม่ คดีนี้เป็นคดีแพ่งไม่เกี่ยวกัน นางสาวยิ่งลักษณ์น่าจะเดินทางกลับได้ ขณะนี้ยังไม่ได้คุยกัน แต่มีผู้ใหญ่ขอให้ช่วยดูคดีนี้อย่างเต็มที่ และไม่ทราบว่านางสาวยิ่งลักษณ์พำนักอยู่ที่ประเทศไหน ขออย่านำ ประเด็นนี้ไปกล่าวร้าย ใส่ร้าย นางสาวยิ่งลักษณ์เพราะตนเองรู้สึกสงสารท่าน ที่โดนคดีอาญาและคดีนี้ ต้องชดใช้ไป 10,000 กว่าล้าน ย้ำว่าทีมทนายพร้อมจะสู้คดีให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์หากมีช่องทางทางกฎหมาย เพื่อคืนความเป็นธรรม 

TAGS: #จำนำข้าว #ยิ่งลักษณ์ชินวัตร #คดีทุจริต #ข่าวการเมือง