"เท้ง" ดัดหลัง "กฤษฎิ์"  ไม่ขับแต่ดองงูเห่าแทน

"เท้ง ณัฐพงษ์" โต้กลับ ‘ส.ส.กฤษฎิ์’ ยันไม่ขับออก แต่ใช้มาตรการดองงูเห่า ตัดสิทธิ์พึงมีในพรรค ส่งตีความหนังสือยุติบทบาท เป็นหนังสือลาออกหรือไม่

นาย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นาย ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงาน สส. พรรคประชาชน และ นาย สหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี เขต 7 พรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวกรณี น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ ส.ส.ชลบุรี เขต 6 ประกาศยุติการทำงานร่วมกับพรรคประชาชนและแสดงความจำนงเข้าร่วมพรรคกล้าธรรม

นาย ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า จากที่ได้รับฟังเหตุผลที่ ส.ส.กฤษฎิ์ แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อเช้านี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคในการผลักดันนโยบายหรือประเด็นที่น.ส.กฤษฎิ์อยากขับเคลื่อน หรือการแก้ปัญหาการทำงานในพื้นที่ไม่เคยได้รับงบประมาณจากพรรค 

ซึ่งพรรคประชาชนยืนยันว่า พรรคสนับสนุนการทำงานของน.ส.กฤษฎิ์ในพื้นที่มาโดยตลอด โดยฝ่ายนโยบายได้อนุมัติงบประมาณส่วนกลางให้น.ส.กฤษฎิ์นำไปทำกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นต่อการพัฒนานโยบายในพื้นที่ศรีราชา

นาย ปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อไปว่านอกจากนี้ การทำงานในคณะกรรมาธิการคมนาคมที่น.ส. กฤษฎิ์ระบุว่าไม่ได้รับการสนับสนุนนั้น ตั้งแต่เริ่มเปิดสภามีการให้ ส.ส. ทุกคนได้เสนอว่าตนเองอยากอยู่ในกรรมาธิการสามัญคณะใด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้อยู่ในกรรมาธิการสามัญที่ตนเองอยากอยู่เป็นอันดับหนึ่ง แต่น.ส.กฤษฎิ์เป็น ส.ส. หนึ่งในไม่กี่คนที่ได้อยู่ในกรรมาธิการสามัญอันดับหนึ่งที่ตัวเองเลือกมา คือกรรมาธิการคมนาคม เพราะพรรคประชาชนเห็นว่าในพื้นที่ของน.ส.กฤษฎิ์มีท่าเรือแหลมฉบังซึ่งน่าจะเข้าไปขับเคลื่อนในกรรมาธิการได้

ต่อมาเมื่อมีญัตติที่ถูกส่งไปในกรรมาธิการคมนาคม พรรคประชาชนก็ยังได้ให้โอกาสน.ส.กฤษฎิ์ได้เป็นรองประธานคนที่หนึ่งของอนุกรรมาธิการนี้ ในสัดส่วนของอนุกรรมาธิการและที่ปรึกษาเองพรรคก็เปิดโอกาสให้น.ส.กฤษฎิ์ได้เสนอชื่อได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีการปิดกั้นแต่อย่างใด และอนุกรรมาธิการนี้ก็มีมติให้มีการศึกษาดูงานรับฟังปัญหาของประชาชนในท่าเรือแหลมฉบังและมีการไปดูงานมาแล้ว เพราะฉะนั้นพรรคประชาชนมีการสนับสนุนการทำงานของกฤษฎิ์ในประเด็นที่ต้องการขับเคลื่อนตลอด

นายปกรณ์วุฒิกล่าวต่อไปว่าส่วนอีกข้อกล่าวหาคือการไม่ได้รับความเคารพเรื่องสถานะทางเพศ พรรคประชาชนยืนยันว่าตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ มาจนเป็นพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน การโอบรับความหลากหลายทางเพศเป็นค่านิยมหลักและความเชื่อที่พรรคให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง พรรคประชาชนยืนยันว่าไม่มีการเหยียดสถานะทางเพศของ ส.ส. หรือประชาชนคนใด และหากเกิดขึ้นย่อมถือเป็นการผิดวินัยและไม่เคารพต่ออุดมการณ์หลักของพรรค 

นอกจากนี้ พรรคประชาชนยังเปิดโอกาสให้น.ส.กฤษฎิ์ได้ทำงานในด้านความหลากหลายทางเพศ โดยร่วมในทีมสภาความหลากหลายทางเพศของพรรคประชาชน มีส่วนร่วมผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม มีส่วนร่วมในทีมยกร่าง พ.ร.บ.รับรองเพศฯ และพรรคประชาชนเองก็ได้มอบหมายให้น.ส.กฤษฎิ์ยกร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยเทคโนโลยีอนามัยการเจริญพันธุ์ เพื่อให้สอดคล้องกับสมรสเท่าเทียม แม้ขณะนี้ยังไม่ได้สำเร็จครบถ้วน และพรรคเองก็เคยสนับสนุนงบประมาณในการทำกิจกรรมในพื้นที่ศรีราชา ในการรวบรวมความเห็นของผู้มีความหลากหลายทางเพศเกี่ยวกับสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศในพื้นที่ด้วย

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีเหตุการณ์การปรึกษาหารือ 2 นาทีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2568 ตนยืนยันว่ามีการพูดคุยกับกฤษฎิ์หลังเหตุการณ์นั้นจริง แต่ไม่ใช่เรื่องของเนื้อหา แต่คือเรื่องที่ว่าเวลาปรึกษาหารือที่ควรจะเป็นคือเวลาที่สะท้อนปัญหาส่วนรวมของประชาชนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปแก้ไข ไม่ใช่การพูดความต้องการส่วนตัวว่าต้องการทำอะไรและไปไหน อย่างไรก็ตามพรรคยืนยันว่าสิ่งที่กฤษฎิ์หารือไปไม่ใช่ความผิด ไม่มีการดำเนินการทางวินัยต่อหลังเหตุการณ์นั้น เป็นเพียงการพูดคุยว่าการหารือโดยใช้ความต้องการส่วนตัวไม่เหมาะสมกับการทำงานในสภาเท่านั้น และขอให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปและให้ ส.ส. ทุกคนร่วมมือกันในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์เช่นเดิม

สุดท้ายที่น.ส.กฤษฎิ์อ้างว่าพรรคประชาชนเตรียมส่งคนลงสมัคร ส.ส. แทนนั้น พรรคประชาชนยืนยันว่าพรรคไม่มีนโยบายในการหาคนลงสมัครแทน พรรคมีกระบวนการและกรอบเวลาที่ชัดเจนและมีการสื่อสารกับ ส.ส.ทุกคนอยู่แล้ว และยังไม่มีกระบวนการคัดสรรผู้สมัครมาแทน ส.ส.เกิดขึ้นแต่อย่างไร

ด้าน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคประชาชนยืนยันมาโดยตลอดคือการทำงานการเมืองเพื่อรับใช้ประชาชน แต่จากเหตุผลที่น.ส.กฤษฎิ์ได้แถลงมาเมื่อเช้าส่วนใหญ่เป็นเรื่องความไม่พอใจส่วนตัว ไม่ใช่อุปสรรคในการทำงานรับใช้ประชาชนแต่อย่างไร ซึ่งพรรคประชาชนจะมีมาตรการต่อคนที่ทรยศต่อเสียงของประชาชนที่มอบความไว้วางใจให้พรรคประชาชนมาอย่างเด็ดขาดต่อไป 

สำหรับมาตรการต่อไป จะมีการดำเนินทุกมาตรการให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด โดยเฉพาะประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 6 จ.ชลบุรี ส่วนการให้น.ส.กฤษฎิ์ได้ทำตามเจตนารมณ์ในการขอยุติบทบาทกับพรรค และการร้องขอให้พรรคขับออกจากการเป็นสมาชิกนั้น ประชาชนและวิญญูชนทุกคนน่าจะมีข้อสรุปตรงกันว่าน.ส.กฤษฎิ์ได้แสดงเจตจำนงออกมาแล้วว่าไม่ต้องการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนอีกต่อไป แม้การขอลาออกต้องทำหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรค แต่พรรคประชาชนมีความเห็นว่าหนังสือฉบับนี้ของน.ส.กฤษฎิ์ได้แสดงเจตจำนงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าต้องการยุติการเป็นสมาชิกพรรคประชาชน

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย แม้ในทางเจตนาจะชัดเจนแล้วว่าน.ส.กฤษฎิ์ต้องการยุติการเป็นสมาชิกพรรค แต่เมื่อหัวจดหมายไม่ได้จั่วหัวมาอย่างชัดเจนว่าต้องการลาออก พรรคประชาชนจึงจะขอใช้อำนาจตามกฎหมายที่พรรคมี ในการยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้อำนาจตีความให้พรรคประชาชน ว่าหนังสือฉบับนี้ืเป็นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนหรือไม่

นอกจากนี้ในการแถลงเมื่อเช้านี้ น.ส.กฤษฎิ์เองก็ได้แสดงเจตนารมณ์ของตัวเองโดยใช้คำว่า “ลาออก” จากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะฉะนั้นไม่ว่าหนังสือจะเขียนมาอย่างไร แต่พรรคประชาชนจะขอยึดตามเจตนารมณ์ของผู้ยื่นหนังสือเป็นตัวตั้ง เพราะฉะนั้นมาตรการแรกคือการยื่นขอตีความไปยังหน่วยงานที่เกียวข้องว่าหนังสือที่น.ส.กฤษฎิ์ได้ยื่นให้กับกรรมการบริหารพรรคประชาชนนั้นถือเป็นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า  สำหรับกรณีต่อไป ที่ประชุม ส.ส. และผู้บริหารพรรคได้มีมาตรการที่จะลงโทษให้น.ส.กฤษฎิ์ไม่ได้สิ่งที่ต้องการในการย้ายไปพรรคกล้าธรรม หากสุดท้ายมีการตีความออกมาแล้วว่าหนังสือฉบับนั้นไม่ใช่หนังสือลาออก โดยพรรคประชาชนจะไม่ทำการขับน.ส.กฤษฎิ์ออกจากพรรค แต่จะใช้มาตรการในการ “ดองงูเห่า” รวมถึงการนำเรื่องเข้ากรรมการวินัยของพรรคเพื่อตัดสิทธิพึงมีทุกอย่างในสถานะสมาชิกพรรคที่กฤษฎิ์มีอยู่

นอกจากนี้ ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ ตนจะเข้าพื้นที่พร้อม ส.ส. ชลบุรีทุกเขตเพื่อยืนยันกับประชาชนว่าพรรคประชาชนยังพร้อมเดินหน้ารับใช้ประชาชนในทุกเขต รวมถึงเขต 6 ที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น และในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน ได้มีการมอบหมายให้นายสหัสวัตเป็นผู้ดูแลพื้นที่เขต 6 แทนน.ส.กฤษฎิ์ต่อจากนี้ไปแล้ว

TAGS: #พรรคประชาชน #เท้งณัฐพงษ์ #ส.ส.กฤษฎิ์