"วราวุธ" ย้ำ “พ่อบรรหาร” สอนไว้ ผูกพันธมิตรทุกพรรค ไม่เว้นฝ่ายค้าน ไม่มีหมัดไปแลกกับใคร ยัน"ชทพ."ยังไม่มีแผนปรับทัพเลือกตั้ง 70 ชี้ยังอีกไกล เร่งทำงานครบทุกมิติก่อน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เผยก่อนการประชุมใหญ่สามัญพรรคชาติไทยพัฒนา ที่โรงแรมสองพันบุรี จ.สุพรรณบุรี ถึง กรณีการเตรียมพร้อมปรับทัพเพื่อสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งหน้านั้นขณะนี้ว่า ยังไม่ได้มีการเตรียมพร้อมอะไรเนื่องจากการเลือกตั้งยังอีกไกล วันนี้สิ่งที่พรรคดำเนินการก็คือการประชุมกับสมาชิกพรรค ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยเดือนเมษายนนี้แทบจะทุกพรรคการเมืองก็จะมีการประชุมการ ส่วนจะมีเนื้อหาอะไร ก็จะมีการนำเสนอให้กับสมาชิกพรรคได้รับทราบว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง
หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า สิ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนาดำเนินการก็เป็นการดูแล กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ซึ่งมีการทำครบทุกมิติ แต่การดำเนินการนั้นก็มีความมากน้อยแตกต่างกันไปตามงบประมาณในแต่ละครั้งที่ได้รับรวมถึงศักยภาพของกระทรวงที่มีอยู่ วันนี้ก็เป็นการสื่อสารให้ประชาชนได้รับทราบด้วยว่า พรรคชาติไทยพัฒนา มีการดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ในมิติใดบ้าง และหลังจากนั้นก็จะเป็นการดำเนินงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งบทบาทของ สส.พรรคชาติไทยพัฒนา ในสภา มีการดำเนินการอะไรไปบ้างในส่วนของกรรมาธิการ รวมถึงเรื่องของการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับการประชุม
นายวราวุธ กล่าวถึงเอกภาพของรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังสงกรานต์แล้วจะเป็นอย่างไร ว่า จากสัปดาห์ที่แล้วในสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ปิดไป ช่วงสามเดือนนี้ก็เป็นช่วงที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละพรรคจะขมักเขม้นในการลงพื้นที่ จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ในวันนี้มีการจัดประชุมใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนาที่จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อให้สส.ได้พบปะพี่น้องประชาชน ซึ่งตนคิดว่าอุณหภูมิทางการเมืองก็จะเบาลงไป เพราะทุกคนคงจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานในพื้นที่มากกว่า และในช่วงเดือนพฤษภาคมจะมีการเปิดประชุมวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ก่อน หลังจากนั้น จะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพูดคุยเรื่องญัตติและพระราชบัญญัติต่างๆ
ส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ มีการแลกกันคนละหมัด แต่ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา มียุทธศาสตร์ อย่างไรในการทำงานการเมืองในรัฐบาล แพทองธาร นายวราวุธ กล่าวว่า คุณพ่อสอนอยู่เสมอ ว่ามีมิตร 100 คนก็น้อยเกินไป มีศัตรู 1 คนก็มากเกินไป ดังนั้น แนวทางการทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านมาถึงนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ซึ่งเป็นพี่สาว จนมาถึงตนเองนั้น เรายืนยันว่า เราเน้นในเรื่องการทำงานและการสร้างพันธมิตรทางการเมืองมากกว่า เพราะการมีพันธมิตรทางการเมืองจะทำให้เราทำงานให้กับ พี่น้องประชาชนได้มีประสิทธิภาพ ฉะนั้น เราคงไม่มีหมัดไปแลกกับใคร
เมื่อถามย้ำว่าเหมือนไผ่ลู่ลมใช่หรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ผลงานของเราจะเป็นสิ่งที่ทำให้การเจรจา กับพรรคร่วมรัฐบาล ว่าเราเดือดร้อนตรงไหน และมีสิ่งใด ให้พรรคชาติไทยพัฒนาที่กำกับดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดูแล เราก็ยินดีที่จะช่วยกันทุกพรรค แม้กระทั่งทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะทุกคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นสส.ที่เป็นผู้แทนของประชาชน ดังนั้น การทำงานของเรา ก็จะเอาผลงานเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน เรามาทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชนดีกว่าเรื่องการเมืองก็เอาไว้ก่อน
ส่วนการเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ที่พรรคร่วมรัฐบาลแข่งกันเอง จะสร้างความขัดแย้งหรือไม่ เพราะในการปราศรัยอาจจะมีการกระทบกระทั่งกัน นายวราวุธ กล่าวว่า การกระทบกระทั่งเป็นเรื่องปกติ การที่มีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคมาอยู่ร่วมกันก็เหมือนการแต่งงาน ลิ้นกับฟันเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าการเลือกตั้งสนามเล็กกับสนามใหญ่ จะมีความละเอียดอ่อนแตกต่างกันไป ซึ่งตนเองมั่นใจว่าเมื่อสนามเล็กจบแล้วสนามใหญ่ ก็คงจะเป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่พรรคร่วมจะมาพูดคุยกันอีกครั้ง เมื่อถึงเวลา แต่ตอนนี้ยังถึงเวลา
ส่วนจุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนา ต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์)นายวราวุธ กล่าวว่า ตอนนี้ผ่านขั้นตอนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว เบื้องต้นเราต้องเข้าใจก่อนว่า สิ่งที่ครม.เสนอเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นหนึ่งในมาตรการที่จะหารายได้ให้กับประเทศ ต้องเข้าใจก่อนว่าการที่ประเทศชาติจะมีรายจ่ายมากมาย แม้แต่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เราร้องขอเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุเพิ่ม ทุกอย่างล้วนเป็นรายจ่าย แต่รายได้ของรัฐบาลทุกวันนี้มีจำกัด ส่วนรายจ่ายมีมากมายเหลือเกิน ดังนั้น หน้าที่ของรัฐบาลคือหารายได้ ตนคิดว่า เป็นเวลาที่ท่านใดมีแนวทางอย่างไร รัฐบาลยินดีรับฟัง และจะเอาแนวทางนี้ไปศึกษาเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างเร็วที่สุด ขั้นตอนขณะนี้เบื้องต้นรอสมัยประชุมหน้า คงจะมาถกกันว่าแนวทางของสภาจะมีแนวทางอย่างไรในฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งตอนนั้นคงจะต้องมีการประชุมพรรคอีกครั้ง
ส่วนเห็นด้วยกับแนวทางหารายได้ในส่วนนี้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนคิดว่ามีหลายมุม เช่น ตนทำงานในฐานะรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หากเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์นี้จะเป็นแหล่งสร้างงานให้กับพี่น้องกลุ่มเปราะบางที่พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลอยู่ ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะวันนี้คนพิการเกือบ 4 ล้านชีวิต มีงานทำยังไม่ถึงครึ่ง หรือแม้แต่ผู้สูงอายุในปัจจุบันที่เรามีเกือบ 14 ล้านคน หากพวกเขาเหล่านั้นมีรายได้ของตัวเองก็จะแบ่งเบาภารกิจในการเยียวยา ลดการพึ่งพาสวัสดิการของรัฐบาลไป ดังนั้น มันมีทั้งข้อดีและข้อด้อย การที่จะพิจารณาต่างๆ คงต้องเป็นแนวทางของฝ่ายนิติบัญญัตินำไปพิจารณาต่อ