"ธปท.-คลัง"ห่วงเสถียรภาพการเงินการคลังหลังพท.ออกนโยบายแจกเงินดิจิทัล

"นายกฯ"เรียก "ธปท.-คลัง"แจง ปมพท.ออกนโยบายเงินดิจิทัล ห่วงเสถียรภาพการเงินการคลัง เตือนได้ไม่คุ้มเสียขอประชาชนช่วยกันคิดแล้วกัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายหาเสียงเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย คิดว่า ทำได้หรือไม่ ในฐานะที่เป็นรัฐบาลมา 8 ปี ว่า วันนี้ได้ให้โอกาสหน่วยงานด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังมาชี้แจง แต่ตนเองไม่ได้อยากไปอะไรกับใคร เพราะเป็นเรื่องของการหาเสียงของแต่ละพรรค

"วันนี้มาพูดคุยถึงการรักษาเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศ และการใช้จ่ายของประเทศที่ผ่านมา เราใช้จ่ายอย่างไร เพื่อจะพุ่งเป้าไปยังผู้ที่เดือดร้อน ทำให้เกิดรายได้ เรื่องการประกอบอาชีพต่างๆ เพิ่มเติมด้วย ไม่ใช่ให้เงินอย่างเดียว โดยจะเห็นได้ว่าในส่วนที่เป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ร่วมทำกันมาแล้ว ซึ่งก็ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปได้มากพอสมควร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ ต้องดูเม็ดเงินว่า จะสามารถทำอะไรได้อีก ฉะนั้น งบประมาณต่างๆ ของปี 2567 ตั้งไปแล้ว ถ้าจะไปแก้ไขอะไรต้องไปแก้กันในสภาหน้า เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นกฎหมาย เป็นระเบียบที่ต้องทำงบประมาณไว้ก่อนล่วงหน้าในปี 2567 โดยจะต้องนำสิ่งต่างๆ ที่จะต้องทำต่อในเรื่องการลงทุนต่างๆ ที่มีกฎหมายชัดเจน การลงทุนกี่เปอร์เซ็นต์ การใช้งานกี่เปอร์เซ็นต์ และมีงบประมาณเหลือเท่าไหร่ที่จะทำโครงการใหม่ รวมถึงงบประมาณการใช้หนี้ การเติมเงินคงคลังที่เราสำรองจ่ายไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19

นายกฯกล่าวว่า ฉะนั้น ต้องมองในบริบทใหญ่ วันนี้ถ้าเรามองในภาพรวมจะเห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งคำว่าดีขึ้นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะร่ำรวยทั้งหมด เพียงทำให้สถานะทางการเงินการคลังของเราแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เห็นได้คือการท่องเที่ยวที่มีคนเข้ามาหลายสิบล้านคน การจองเครื่องบินเข้ามาหลายหมื่นไฟลต์ในช่วงโลว์ซีซั่นถือเป็นการจัดหารายได้เพิ่มเติม ซึ่งเราจะต้องเตรียมความพร้อมประเทศของเรา เพื่อรองรับการท่องเที่ยวตลอดจนการลงทุนใหม่ โดยบีไอไอสถิติช่วงต้นปีที่ผ่านมาสูงขึ้นถึง 40 กว่าเปอร์เซ็นต์หลายแสนล้านบาท และยังมีการลงทุนจากภายนอกประเทศเข้ามาอีก รวมถึงเรื่องอุตสาหกรรมใหม่ๆ รถไฟฟ้า แบตเตอรี่ สถานีเติมไฟต่างๆ มีครบทุกอัน

ขณะเดียวกันสิ่งสำคัญจะต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้ได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งวันนี้เดินหน้าไปเยอะแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นรายได้ที่จะเข้ามาตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างที่หลายคนอยากได้มากขึ้น ถ้าเราหาเงินไม่ได้ก็จะลำบาก ซึ่งต้องใช้เวลาทำต่อเนื่องหลายปี และหลายอย่างเราทำใหม่ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่จะต้องใช้งบประมาณสูงขึ้นในโอกาสต่อไป

“ฉะนั้น จะทำอะไรใหม่ๆ ก็ตามจะต้องคำนึงถึงว่าเรามีทรัพยากรอยู่เท่าไหร่ เราจะดูแลใครได้บ้างและดูแลได้มากน้อยแค่ไหน ฉะนั้น การจะทำอะไรต่างๆ ก็ตามถ้ามันมากเกินไปสิ่งที่ทำอยู่แล้วเดิมก็สูญเสียไปทั้งหมดนั่นแหละ อะไรที่เคยได้มันก็จะไม่ได้ เพราะไปทำเรื่องใหม่ทั้งหมด ซึ่งมันจะคุ้มค่ากันหรือเปล่ากับการสูญเสียไป ก็ไม่รู้เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องช่วยกันคิดแล้วกัน” นายกฯกล่าว

อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่าธนาคารแห่งประเทศและกระทรวงการคลังมีข้อเสนอแนะหรือมีข้อห่วงใยอะไรหรือไม่ในเรื่องดังกล่าว นายกฯกล่าวว่า ขอให้ระมัดระวังเรื่องความมีเสถียรภาพของสถานะทางการเงินการคลังของประเทศ ซึ่งตอนนี้เราอยู่ในระดับต้นๆ ที่รักษามาตรฐานตรงนี้ไว้ได้ องค์กรทางด้านการเงินระหว่างประเทศชื่นชมเราสามารถบริหารจัดการได้ดี การเงินเรามีเสถียรภาพ ค่าเงินบาทยังโอเคมีค่าอยู่ หลายๆ อย่างมันดีขึ้น เพียงแต่ว่ายังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับประชาชนโดยรวม ก็ต้องเห็นใจรัฐบาลด้วย ถ้ามีเราก็รู้ดูแลให้ได้หมด อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งต้องระมัดระวังที่สุดในการใช้จ่ายเงิน

TAGS: #บิ๊กตู่ #แจกเงินดิจิทัล #ธปท. #คลัง #เลือกตั้ง66