“แพทองธาร” แจง ขยายเวลายื่นบัญชี ทรัพย์สิน ป.ป.ช.อีก 30 วัน เหตุเตรียมไม่ทัน พร้อมรับฟังประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญจากฝ่ายค้าน เผยต้องดูกระบวนการอย่างละเอียด

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เผย ยื่นหนังสือขอขยายเวลาการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกไป 30 วันเพราะ ยังเตรียมไม่ทัน งานทุกอย่างเข้ามารุมเร้ามาก ในเรื่องของการแจงบัญชีทรัพย์สินอย่างไรต้องแจงอยู่แล้ว การขอขยายเวลาเพื่อให้ละเอียดขึ้นและครบถ้วน ซึ่งทางครอบครัวก็ช่วยด้วย 

เมื่อถามว่า หุ้นที่เคยถือไว้ 16 บริษัทได้จัดการขายหรือโอนหุ้นไปแล้วหรือยัง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีการจัดการทุกอย่าง เราต้องเอาเรื่องข้อกฎหมายมาดูว่า ต้องทำอย่างไรบ้าง เรื่องนี้ทางครอบครัวทั้ง น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาวและนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี ก็ช่วยดูเรื่องนี้กับทีมกฎหมาย 

เมื่อถามว่า หุ้นในบริษัท บริษัทอัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด และบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่โอนให้พี่สาวกับแม่ ข้อเท็จจริงเป็นการโอนหรือขายหุ้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอให้รายละเอียดภายหลัง 

ส่วนกรณี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชนเสนอหารือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีรับฟัง หากมีสิ่งใดต้องตั้งคณะกรรมการพูดคุย หรือหารืออย่างเป็นทางการ ส่วนมีหนังสือเข้าพบมาถึงนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ายังไม่มี    ได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกว่ามีการติดต่อมา เรื่องนี้ไม่ได้ติดใจหากจะเข้าพบ
 
ส่วนข้อกังวลที่จะแก้รัฐธรรมนูญไม่ทันในรัฐบาลนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องทำในสิ่งที่ทำได้ และต้องถูกต้อง เพราะถ้าระยะเวลายาวนานเกินไป อาจจะเกิดปัญหาภายหลังได้ เมื่อมาอยู่ตรงนี้ได้ทราบถึงปัญหาต่าง ๆ ที่มีจำนวนมาก  ถ้าเร่งรีบในกระบวนการมากเกินไป นอกจากจะไม่ได้ผลลัพธ์แล้ว ระหว่างทางอาจจะโดนฟ้องด้วย ต้องช่วยกันดูรายละเอียด แต่รัฐบาลต้องรับฟังความคิดเห็นให้ครบถ้วนและพูดคุยถึงระยะเวลาว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะตั้งแต่พรรคเพื่อไทยได้มีการหาเสียงไว้อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ต้องมีการหารือกัน และไม่มีการแตะในหมวด 1 และ 2 เป็นสิ่งที่รัฐบาลทุกพรรคเห็นตรงกัน 
 
ส่วนเนื้อหาในรัฐธรรมนูญมีประเด็นใดเป็นปัญหามากที่สุด จนต้องนำไปสู่การแก้ไข นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การถามเช่นนี้จะเป็นการเปิดการโต้แย้ง แต่แน่นอนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำเพื่อเอื้อต่อประชาธิปไตยและประชาชนให้มากที่สุด