“หมอเลี๊ยบ” ยันที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ความคิดไม่ตกยุค จ่อเสนอมาตรการศก.แก้หนี้-น้ำท่วม 

“หมอเลี๊ยบ” ยันที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ความคิดไม่ตกยุค จ่อเสนอมาตรการศก.แก้หนี้-น้ำท่วม 
“หมอเลี๊ยบ” เผย นายกฯ พร้อมรับฟังทุกข้อเสนอจากคณะที่ปรึกษา จ่อเสนอมาตรการเศรษฐกิจแก้ปัญหาน้ำท่วม แก้หนี้ให้ประชาชน ย้ำความคิดที่ปรึกษาทุกคนไม่มีตกยุค ไฟแรง พร้อมทำงาน

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี เผยกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลก เพื่อประชุมหารือร่วมกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณคณะที่ปรึกษาทั้ง 5 คนที่ได้ตอบรับเป็นคณะที่ปรึกษาฯ เพราะทุกๆคนเคยผ่านประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินในอดีต ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟังข้อเสนอทุกๆอย่างจากที่ปรึกษา 

“ขอให้คณะที่ปรึกษาฯนำเสนอความเห็นอย่างตรงไปตรงมา เห็นด้วยก็จะบอกว่าเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยก็จะบอกว่าไม่เห็นด้วย เพื่อที่จะสามารถทำให้การกำหนดนโยบายสามารถได้รับข้อมูลรอบด้านมากขึ้น” นพ.สุรพงษ์ กล่าว 

ทั้งนี้ นพ.สุรพงษ์​ กล่าวว่า คณะที่ปรึกษาทั้ง 5 คน ได้มีการเสนอแนะบทบาทที่จะทำต่อไปใน 4 เรื่อง 

1.คณะที่ปรึกษาทั้ง 5 คนมีประสบการณ์ในการทำงานในส่วนเชิงนโยบายหรือขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆในอดีตที่ผ่านมาในหลากหลายด้าน ซึ่งทุกคนจะให้คำเสนอแนะโดยไม่จำกัดเฉพาะด้านที่ตนเองเชี่ยวชาญ แต่ทุกๆคนก็มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่จะขับเคลื่อนเรื่องนั้นเป็นพิเศษ เช่น นายธงทอง จันทรางศุ สนใจเรื่องปฏิรูประบบราชการ  นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา จะช่วยดูเรื่องกฏหมายต่างๆ สามารถเอื้ออำนวยขับเคลื่อนระบบราชการและการทำงานของรัฐบาลให้เกิดประสิทธิภาพเต็มที่  นายศุภวุฒิ สายเชื้อ สนใจที่นำเสนอเรื่องนโยบายที่นำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศได้ 

ส่วนตนสนใจที่จะขับเคลื่อนงานด้านสาธารณสุขและซอฟพาวเวอร์ให้เกิดผลจริงจัง ด้านนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา มีประสบการณ์ด้านการเมืองและการนำเสนอนโยบายมาต่อเนื่องกับหลายนายกรัฐมนตรี และมีประสบการณ์ในเรื่องต่างประเทศ และการสร้างรายได้ให้กับฐานราก

2.คณะที่ปรึกษาได้หารือร่วมกันว่า จะทำอย่างไรที่จะมีการวบรวมองค์ความรู้ และความคิดเห็นจากภาครัฐ ภาคเอกชน ดังนั้นคณะที่ปรึกษาจะมีการเชิญทั้งในส่วนภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรมต่างมาประชุมปรึกษาหารือกันและกำหนดเป็นนโยบายต่อไป 

3.คณะที่ปรึกษาคิดว่า แต่ละเรื่องจะทำอย่างไร ทำให้เรื่องที่เราคิดเป็นจริงได้อย่างไร โดยจะมีการกำหนดแผนชัดเจน มีแนวทางการทำงานที่สอดคล้องและขับเคลื่อนองคาพยพทั้งระบบราชการและระบบเศรษฐกิจให้สามารถขับเคลื่อนไปได้

ส่วนความเป็นไปได้ที่จะมีการเชิญทางธนาคารแห่งประเทศไทยมาพูดคุยกับคณะที่ปรึกษาฯหรือไม่นั้น นพ.สุรพงษ์​ กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยถือเป็นส่วนหนึ่งของภาครัฐที่ต้องมีบทบาทในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่อาจไม่ได้พูดคุยกัน หรือเชิญมาเป็นทางการเพื่อหาทางออกร่วมกัน ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีบทบาทแตกต่างกันไป แต่คงมีโอกาสได้พูดคุยกับกระทรวงการคลังด้วย 

4.มีการกำหนดการประชุมของคณะที่ปรึกษากับนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง โดยได้กำหนดมีการประชุมทุกๆสัปดาห์ เบื้องต้นกำหนดไว้เป็นทุกวันพฤหัส และหากมีประเด็นในที่สำคัญที่จะนำเสนอก็จะมีการแถลงให้สื่อมวลชนทราบ


ทั้งนี้ นพ.สุรพงษ์ กล่าวถึง เรื่องสำคัญที่คณะที่ปรึกษาจะมีการศึกษาจริงจัง ประกอบด้วย เรื่องแรกมาตรการทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งได้มีการนำเสนอแนวความคิดเบื้องต้น แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้

เรื่องที่ 2 มาตรการแก้หนี้ที่ได้ผล ไม่ใช่การสนับสนุนเงินเพียงอย่างเดียว ซึ่งการแก้หนี้ดีที่สุด คือ การทำให้คนเป็นหนี้มีรายได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก มีการพูดคุยแนวทางเบื้องต้นแล้ว และคิดว่าเป็นแนวทางที่น่าสนใจที่จะแก้หนี้ได้ในอนาคต

เรื่องที่ 3 ทำอย่างไรภาคธุรกิจและSME สามารถรุกตลาดต่างประเทศได้จริงจัง ซึ่งมีมาตรการบางอย่างที่จิ๊กซอว์ที่หายไปในระหว่างการทำนโยบายการค้าต่างประเทศ ก็จะมีการนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ นพ.สุรพงษ์ ย้ำว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟังความเห็นคณะที่ปรึกษา แต่นายกรัฐมนตรีก็นำไปพิจารณาร่วมกันกับคณะรัฐมนตรี หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ในเรื่องการแก้วิกฤตการเมือง การมองภาพทั้งระบบให้ระบบยุติธรรมเดินหน้าไป มีหลักนิติรัฐ นิติธรรม รวมถึงเรื่องรัฐธรรมนูญก็คงมีการพูดคุยในคณะที่ปรึกษาฯด้วย และคงได้มีการนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีด้วย

นพ.สุรพงษ์ ยอมรับว่า แม้คณะที่ปรึกษาฯทุกคนจะมีอายุมากแล้ว แต่ที่ได้มีการพูดคุยกันแต่ละคนผ่านประสบการณ์มากมาย แต่ยังเรียนรู้ไม่หยุด 

“ผมเชื่อว่า ทั้ง 5 คนตกสมัยไม่มีแน่ แต่เราไม่ได้ทำงานกัน 5 คน หลังจากนี้จะมีการตั้งอนุกรรมการเพื่อพิจารณารายละเอียดแต่ละเรื่อง เรา 5 คนเหมือนเป็นสารตั้งต้นที่จะนำสู่การแก้ปัญหาประเทศครั้งใหญ่”นพ.สุรพงษ์​ กล่าว


อย่างไรก็ตาม นพ.สุรพงษ์​ ยอมรับ คณะที่ปรึกษาฯไม่ได้มีการกำหนดเคพีไอในการทำงานของตัวเอง ว่า ต้องมีนโยบายออกมากี่เรื่องภายในกี่เดือน แต่เท่าที่ได้ประชุมร่วมกัน เห็นเลยว่า ที่ปรึกษาแต่ละคนต่างคนต่างมีไฟแรงมาก พร้อมทำงานเต็มที่ 

“ถ้าเปรียบเทียบสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ ก็คือเรื่องเกี่ยวกับทำให้เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ก็เป็นเรื่องใหญ่มากที่ทำให้สันติภาพในภูมิภาคนี้ ผมคิดว่า ไม่ได้มองว่า กี่เดือนจะได้อะไร แต่มองว่า ภายในรัฐบาลขณะนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่า เหลือสองปีกว่าๆ สิ่งที่อยากเห็นคนต้องพ้นจากความยากจน ประเทศสามารถหลุดพ้นปัญหาเศรษฐกิจที่เผชิญอยู่ที่ทุกวันนี้และนำไปสู่ที่ทิศทางที่ชัดเจน ในการสร้างเศรษฐกิจกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง”นพ.สุรพงษ์ กล่าว

TAGS: #ที่ปรึกษานโยบาย #หมอเลี๊ยบ #แพทองธาร