สภาสภาผู้แทนราษฎรโหวตเห็นชอบผลการศึกษารายงานโครงการแลนด์บริดจ์ "พิธา" นำก้าวไกลซักค้าน ซัดไม่มีคำตอบชัดเจน การลงทุนมีความคุ้มค่าหรือไม่
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติเห็นชอบรายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติเรื่องการศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) ตามที่กมธ.วิสามัญฯ พิจารณาศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ที่มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานกมธ.ฯ
ทั้งนี้ในระหว่างการพิจารณาได้มีส.ส.แสดงความเห็นกันอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะฝ่ายค้าน และส.ส.ภาคใต้ อภิปรายคัดค้านเนื้อหาในรายงานของ กมธ.ฯ ที่ไม่มีความชัดเจนในหลายทั้งเรื่องความคุ้มทุนของโครงการ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถตอบคำถามได้เรื่องการประหยัดระยะเวลา ค่าใช้จ่ายในเส้นทางเดินเรือพร้อมแสดงความเป็นห่วงเรื่องพื้นที่ป่าไม้ และวิถีชีวิตคนในพื้นที่ต้องสูญเสียไปจำนวนมาก และไม่สามารถรับรายงานฉบับนี้ได้ อาทิ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รายงานฉบับนี้ที่ระบุว่า อาจช่วยลดเวลาและระยะทางขนส่ง ก็เกิดคำถามที่ไม่มีคำตอบมากมาย ดังนั้นรัฐบาลต้องตอบคำถามสำคัญ 3 ข้อคือ 1.ไม่มีออปชั่นอื่นที่ดีกว่านี้แล้วใช่ไหม
นอกเหนือจากการดำเนินโครงการนี้ และเม็ดเงิน 1 ล้านล้านบาทที่จะใช้ในโครงการ ยกระดับความสามารถการแข่งขันอะไรของประเทศได้บ้าง
2.จะจัดการความเสี่ยงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่างไร พื้นที่ดำเนินการโครงการเป็นพื้นที่มรดกโลก 6 แห่ง เต็มไปด้วยศักยภาพทั้งทางบก ทางน้ำ ต้องเวนคืนพื้นที่หลายหมื่นไร่ สูญเสียพื้นที่ประมง ป่าไม้ พื้นที่ปลูกทุเรียน และผลไม้มากมายคือต้นทุนที่ต้องจ่าย
3.โครงการนี้ต้องวางสมดุลและแสดงวิสัยทัศน์ชัดเจนเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน เป็น 3 คำถามสำคัญสุดที่ยังไม่มีคำตอบในรายงานฉบับนี้ ถ้ารัฐบาลเลือกโครงการแลนด์บริดจ์ หวังจะแชร์ส่วนแบ่งการเดินเรือในภูมิภาค
นายพิธา กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ได้ชัดเจนใน 3 องค์ประกอบคือ เส้นทางดำเนินโครงการต้อง 1.เร็วกว่า 2.สะดวกกว่า และ 3.ถูกกว่า แต่เนื้อหาในรายงานแค่บอกว่า อาจจะลดเวลา ไม่สามารถอนุมานได้ว่าจะเร็วกว่า หรือการขนส่งที่ต้องใช้ทั้งทางเรือ ทางราง ทางรถ จะสะดวกในการขนส่งสินค้าหรือไม่ ส่วนเรื่องถูกกว่ายังไม่มีคำตอบในรายงาน ต้องรอรายละเอียด ดังนั้นถ้ารัฐบาลตอบคำถามไม่ได้ ตนก็ไม่สามารถรับรายงานฉบับนี้ได้
ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ตนเป็นอดีตกมธ.ฯ เหตุผลที่ลาออกเป็นเพราะไม่สามารถให้ความเห็นกับตัวรายงานฉบับนี้ได้ ซึ่งแทนจะไม่มีการแก้ไขอะไรเลยจากวันที่ตนได้ลาออกมา
ทั้งนี้ไม่ใช่เรื่องผิดที่กมธ.ฯส่วนใหญ่ที่มาจากฝั่งรัฐบาลมีธงมาจากบ้านแล้วว่าเราควรจะทำโครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นมติครม.หรือนโยบายที่กลายเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลไปแล้ว แม้จะไม่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก็ตาม แต่สิ่งที่เราจำเป็นที่จะต้องกังวลใจต้องดูว่าสิ่งที่เราศึกษามานั้นรอบคอบ ถูกต้องหรือไม่ และที่ผ่านมาตนถามในห้องกมธ.ฯหลายรอบก็ไม่ได้รับคำตอบจาก สนข.ตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเดินเรือ การคำนวณการเติบโตของท่าเรือ ซึ่งตนยังไม่รู้ว่าจะเชื่อรายงานของสนข.ได้หรือไม่
และรายงานฉบับนี้ที่อ้างอิงรายงน สนข.ไปเต็มๆแบบนี้ เราจะยังเชื่ออะไรอยู่หรือไม่ รวมทั้งการประเมิณความคุ้มค่า ที่บอกว่าความคุ้มค่าทางการเงินสามารถคุ้มทุนได้ภายใน 24 ปี โดยที่มีผลตอบแทนทางการเงินอยู่ที่ 8.62 % จริงหรือไม่
“รายงานฉบับนี้กำลังรับรองความผิดพลาดอะไรอยู่ ดิฉันกังวลมากจริงๆ ท่านอาจจะไม่อายแต่ดิฉันอายเวลาที่นายกฯ ต้องออกไปพูดกับต่างชาติเรื่องโครงการนี้โดยที่เนื้อในเป็นแบบนี้ จริงๆ แล้วดิฉันไม่ได้ทำเพราะเป็นฝ่ายค้านแล้วต้องค้านทุกเรื่อง แต่เรายังต้องรักษาภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของนายกฯไว้บ้าง และดิฉันไม่ได้มีปัญหาต่อการพัฒนาภาคใต้ และยินดีพร้อมใจถ้าจะมีการรื้อรายงานของสนข.และรื้อรายงานของกมธ.ฯใหม่อีกครั้ง และสามารถศึกษาใหม่มีแนวทางใหม่ขึ้นมาและคุ้มค่าดิฉันก็ยินดีที่จะสนับสนุนโครงการใหม่นั้น” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รายงานฉบับนี้พูดแต่ผลดี แต่ไม่พูดถึงผลเสีย มีคำถามมากมายที่สำนักนโยบายและแผนการขนส่ง(สนข.)ตอบไม่ได้ เช่น ผลกระทบต่อการถมทะเล ป่าต้นน้ำหายไป ไม่ใช่ไม่อยากพัฒนาภาคใต้ แต่เคยถามคนภาคใต้หรือไม่อยากได้อะไร รายงานฉบับนี้ประชุมแค่ 10 ครั้ง เป็นการมัดมือชก มีข้อบกพร่องมากมาย ไม่มีส่วนร่วมจากประชาชน เป็นการพัฒนาท่ามกลางความเดือดร้อนประชาชน วิถีชีวิตชาวบ้านที่ต้องสูญเสียวิถีทำกินไม่ใช่เรื่องเล็ก
ขณะที่ นายณัฏฐ์นนท์ ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า การลงทุนโครงการนี้เป็นของเอกชน 100% หรือไม่ มีทางเลือกอื่นหรือไม่ หากเอกชนไม่ให้ความสนใจ และใช้หลักอะไรกับการให้สัมปทานโครงการ 50 ปี แม้โครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อภาคใต้ แต่สิ่งที่ต้องตระหนักมี 4ข้อคือ 1.ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 2.ค่าตอบแทนเวนคืนต้องเป็นธรรม 3.การจัดการไฟฟ้า แหล่งน้ำในพื้นที่พาดผ่าน จะจัดการอย่างไรไม่ให้กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ และ4.การอ้างข้อมูลการจ้างงานในพื้นที่จะหลอกชาวบ้านหรือไม่ สิ่งที่ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นโครงการคือ ข้อมูลหน่วยงานรัฐมีความสมบูรณ์แบบ 100%หรือไม่ ขอให้กมธ.ฯทบทวน ฟังความเห็นต่างของส.ส.ด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังสมาชิกใช้เวลาอภิปรายแสดงความคิดเห็นนานเป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติ เห็นด้วยกับรายงาน 269 เสียง ไม่เห็นด้วย 147 เสียง งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 1 คะแนน เป็นอันว่าที่ประชุมเห็นชอบกับรายงานฉบับนี้