“ณัฎฐ์ชนน” ภูมิใจไทย ตั้งฉายา “งบไฮบริด” รัฐบาลประยุทธ์ตั้ง "เศรษฐา"คลอด

“ณัฎฐ์ชนน” ภูมิใจไทย ตั้งฉายา “งบไฮบริด” รัฐบาลประยุทธ์ตั้ง
ถกงบ67 วันที่ 2  “ณัฎฐ์ชนน” ภูมิใจไทย ตั้งฉายา “งบไฮบริด” ชี้ตั้งโดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ คลอดในรัฐบาล เศรษฐา  ชมเปราะงบ มท. เหมาะสม แนะรัฐบาลเร่งกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นขนาดเล็ก เพื่อพึ่งลำแข้งตัวเอง

นายณัฎฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายชี้ว่า การจัดสรรงบประมาณปี 2567 โดยเปรียบเทียบการจัดสรรเงินงบประมาณย้อนหลังไป 30 ปี ที่พบว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปี 2567 สูงถึง 3.48 ล้านล้านบาท แต่ถือเป็นเรื่องปกติของการจัดทำงบประมาณ

“มีชาวบ้านถามว่างบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท มันเยอะขนาดไหน ผมคำนวณง่ายๆ ว่า ต้องใช้รถบรรทุก 10 ล้อ บรรทุกแบงค์พัน รวม 116 คัน ความยาว 1 กม.  ผมขอย้อนไป 30 ปีที่ผ่านมา ปี 2537 งบประมาณของประเทศอยู่ที่ 625,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2547 งบประมาณแผ่นดินอยู่ที่ 1,163,500 ล้านบาท  อีก 10 ปีต่อมา คือปี 2557 งบประมาณประเทศอยู่ที่ 2,525,000 ล้านบาท  ขณะที่ปี 2567 รัฐบาลเสนอมา 3.48 ล้านล้านบาท ผมไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ขอคาดการณ์อีก 10 ปีข้างหน้า งบประมาณประเทศจะอยู่ที่ 7 ล้านล้านบาท” นายณัฎฐ์ชนน กล่าวและว่า งบประมาณปี 2567 แตกต่างจากงบประมาณปีอื่นๆ เนื่องจากมีกฎหมายค้ำอยู่ 4 ฉบับ คือ รัฐธรรมนูญปี 2560  พ.ร.บ.วิธีพิจารณางบประมาณปี 2561 พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และข้อบังคับการประชุมสภาฯ 2562  แต่สิ่งที่ต้องสอดคล้องคือแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนแม่บทของประเทศ รวมถึงสำนักงบประมาณ 

นายณัฎฐ์ชนน  ยังให้ฉายางบประมาณฉบับนี้ว่า เป็นงบประมาณฉบับไฮบริดจ์ เพราะเป็นกฎหมายงบประมาณที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เกิดการยุบสภาไปเสียก่อน กระทั่งวันที่ 2 ก.ย. 2566 มีรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน จึงได้นำร่างเดิมของรัฐบาลชุดก่อนมาพิจารณาปรับปรุง โดยมีสำนักงบประมาณตั้งเรื่อง  รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ชง และ รัฐบาลนายเศรษฐา ตบ พร้อมชี้ว่า งบประมาณปี 2567 มีอายุสั้น เพราะคาดว่างบประมาณจะมีผลบังคับใช้ประมาณเดือน พ.ค. 2567 และมีเวลาใช้จ่ายเพียง 5 เดือนเท่านั้น กับจำนวนงบประมาณที่มากถึง 3.48 ล้านล้านบาท หากเป็นโครงการใหญ่ ใช้ระยะเวลายาวนาน หรือเจออุปสรรคพายุฝน น้ำท่วม จะทำอย่างไร พร้อมฝากนายกฯ ให้กำชับกรมบัญชีกลางให้เร่งดำเนินการทุกอย่างล่วงหน้าในไตรมาสที่ 2  อย่ารอให้ถึงไตรมาส 3-4  เพราะทราบกันล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดปัญหาและอุปสรรคในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ
 
นายณัฎฐ์ชนน ยังกล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์งบประมาณของกระทรวงมหาดไทยที่ถูกจัดให้เป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณสูงในลำดับต้นๆ แต่การได้รับงบประมาณสูงถึง 291,535 ล้านบาท เป็นไปตามภารกิจ แต่ที่ตนขอเจาะลึกลงไปงบประมาณของ “กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น” ซึ่งเป็นกรมที่สวยแต่รูป จูบไม่หอม เพราะทำหน้าที่แบกบัญชีสวยหรูที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาล จำนวน 239,500 ล้านบาท แต่เงินเหล่านี้ไปอุดหนุนให้กับ อปท. ทั้ง กทม. เมืองพัทยา อบจ. อบต. และเทศบาล  2,370,200 ล้านบาท  และงบที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการบริหารจัดการภายใน คือ 2,370 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินเดือนบุคลากร 1,400 ล้านบาท  เหลืองบดำเนินการ 800 ล้านบาท หรือร้อยละ 30 พร้อมเสนอให้รัฐบาลเรียกคณะกรรมการกระจายอำนาจ สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง และกฤษฎีกา เพื่อแก้ไขให้ท้องถิ่นสามารถจัดเก็บหรือมีรายได้เพิ่มจากหน่วยที่มีอยู่แล้ว โดยการจัดเก็บภาษีประเภทต่างๆ  หากยังปล่อยให้ท้องถิ่นมาร้องว่าเมื่อไหร่จะได้สัดส่วนรายได้  35%  ผมคิดว่าไม่มีทางจะได้  รัฐบาลต้องแบกท้องถิ่นขนาดเล็กเหล่านี้ ตนอยากให้มีอิสระจริงๆ ทุกด้าน  พร้อมชี้ว่า  สำนักงบประมาณ คือผู้มีบารมีในกฎหมายการเงินของประเทศ  เพราะเป็นผู้จัดสรรงบประมาณของชาติ เป็นผู้วางแผน วางกรอบ และอนุมัติงบประมาณ 

“ในอนาคตการพิจารณางบประมาณของประเทศ เป็นหน้าที่ของ สส. สิ้นสุดการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารแล้ว ผมอยากให้การพิจารณางบประมาณเป็นเรื่องของสภาฯ จริงๆ ไม่ใช่มีฝ่ายบริหารหรือองค์กรอื่นมาอยู่เบื้องหลัง” นายณัฎฐ์ชนน กล่าวและว่า ตนเห็นด้วยและจะลงมติรับหลักการวาระแรกของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567

TAGS: #งบ67 #ประชุมสภา #ภูมิใจไทย #งบไฮบริด