"วิญญัติ" ยืนยันสิทธิผู้ต้องขังเด็ดขาดในการยื่นอภัยโทษให้ "ทักษิณ" รอบใหม่ ด้าน "ปรเมศวร์" อัยการอาวุโส สวนทันควัน ชี้ขัดกฎหมาย อาจทำให้ทั้งผู้ยื่นและ รมว.ยุติธรรมเจอมาตรา 157
เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ซึ่งเปิดให้เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ถูกคุมขังในแดนพยาบาลเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือ “เอม” พร้อมนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี เดินทางมาเยี่ยม ขณะที่มวลชนคนเสื้อแดงหลายจังหวัดมารอให้กำลังใจด้วยการชูป้ายและตะโกน “เรารักทักษิณ”
หลังการเยี่ยมราว 30 นาที นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ขณะนี้มีการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล “ครั้งที่ 2” แล้ว โดยชี้ว่าเป็น สิทธิเด็ดขาดของผู้ต้องขังทุกคน แม้กระบวนการจะใช้เวลานานกว่าครั้งแรก ซึ่งเสร็จสิ้นภายใน 6 วัน แต่รอบนี้คาดว่าจะใช้ราว 14 วัน ทั้งนี้การพิจารณาอยู่ในพระราชอำนาจและพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่สามารถก้าวล่วงได้
ส่วนสุขภาพ นายวิญญัติ เปิดเผยว่า นายทักษิณยังมีอาการเกี่ยวกับความดันและโรคหัวใจ รวมถึงปัญหากระดูกต้นคอที่อาจกดทับเส้นประสาท แต่โดยรวมถือว่าดีขึ้น สีหน้าสดใสและปรับตัวเข้ากับชีวิตในเรือนจำได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี กระแสการยื่นฎีกาดังกล่าวได้รับการโต้แย้งจาก นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ที่ให้ความเห็นว่า การยื่นอภัยโทษรอบสองไม่สามารถทำได้ เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 264 วรรคสอง กำหนดชัดว่า “กรณีไม่ใช่โทษประหาร หากเคยถูกยกคำขอแล้ว จะยื่นใหม่ได้ต้องรออย่างน้อย 2 ปี” ซึ่งนายทักษิณเพิ่งได้รับอภัยโทษรอบแรกเหลือโทษ 1 ปี จึงยังไม่เข้าเกณฑ์
นายปรเมศวร์เตือนว่า หากยังมีการดำเนินการต่อ อาจทำให้ผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และตัวนายทักษิณอาจมีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐด้วย
ทั้งนี้ นายปรเมศวร์ย้ำว่า ทางออกตามกฎหมายมีเพียงการรอพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในวาระสำคัญ หรือการลดโทษตามเงื่อนไข เช่น การขอพักโทษหลังรับโทษแล้วครึ่งหนึ่ง หรือการคุมขังนอกเรือนจำตามเกณฑ์ 30% ของโทษเท่านั้น