รัฐบาลจัดสรรงบ11,588ล้านบาทให้ กยศ. ปล่อยกู้ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายนักเรียน-นักศึกษาปี 2568พร้อมเดินหน้า แผนปฏิรูป 4 ด้าน เพิ่มความโปร่งใส ปรับระบบบริการและติดตามหนี้ให้มีประสิทธิภาพ
รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 11,588 ล้านบาท ให้กับ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อปล่อยกู้แก่นักเรียนและนักศึกษาในปีการศึกษา 2568 โดยแบ่งเป็นงบแรก 3,100 ล้านบาท และล่าสุด 8,488 ล้านบาท
ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการ กยศ. ระบุว่า เงินก้อนนี้จะนำไปใช้เป็นค่าเล่าเรียน ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษา สำหรับนักเรียน/นักศึกษาผู้กู้รายเก่าและรายใหม่ ตามคุณสมบัติที่กำหนด เป้าหมายสำคัญคือให้นักเรียน/นักศึกษาได้เรียนต่อโดยไม่ต้องพักหรือเลิกเรียนกลางคัน รวมถึงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายในพื้นที่รอบสถานศึกษา
อย่างไรก็ดี กยศ.เผชิญปัญหารายรับไม่เพียงพอต่อรายจ่าย หลังการประกาศกฎหมายใหม่ ทำให้ต้องเดินหน้า แผนปฏิรูป 4 ด้าน ครอบคลุมระบบบริการ การบริหารงบประมาณ การติดตามหนี้ และเกณฑ์การให้กู้
4 แกนปฏิรูปสำคัญ
-
ระบบบริการและโครงสร้างข้อมูล – ใช้เทคโนโลยียื่นกู้ ตรวจสอบสิทธิ และติดตามสถานะ ลดความยุ่งยากและเพิ่มความโปร่งใส พร้อมพัฒนาฐานข้อมูลรายได้เพื่อยืนยันความจำเป็นของผู้กู้
-
การบริหารกระแสเงินสด – ปรับระบบบริหารงบให้สอดคล้องกับรอบการศึกษา และจัดทำข้อมูลคาดการณ์ว่าเงินกู้เพียงพอสำหรับนักเรียน/นักศึกษาในช่วงใด
-
ระบบติดตามและจัดการหนี้ – แยกลูกหนี้ตามศักยภาพและความตั้งใจ ช่วยเหลือกลุ่มลำบากจริง และใช้มาตรการเข้มงวดกับผู้เพิกเฉย
-
เกณฑ์การให้กู้ใหม่ – ปรับทิศทางการให้กู้ตรงกับความต้องการแรงงานของประเทศ มุ่งสาขาที่จบแล้วมีงานทำจริง พร้อมตรวจสอบสถาบันที่เคยมีประวัติทุจริต
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังชี้ว่า ปัจจุบันมีกลุ่มผู้กู้สองกลุ่ม คือผู้ที่ต้องการเลือกสาขาอิสระ และผู้ที่ควรมุ่งสาขาที่ประเทศต้องการ กยศ.จึงต้องเสนอข้อมูลแนวโน้มแรงงานใน 5–10 ปีข้างหน้า เพื่อให้การให้กู้ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ
ที่ผ่านมา ปี 2567 เป็นปีที่ กยศ.ปล่อยกู้มากที่สุด ทำให้ก่อภาระใน 3–4 ปีข้างหน้า แต่ทุกคำขอกู้จะได้รับพิจารณาเต็มที่
นอกจากนี้ กยศ.ยังให้ความสำคัญกับ ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น โดยชี้แจงข้อมูลต่อสาธารณะเพื่อลดความกังวลของผู้กู้
แหล่งข่าวสรุปว่า หาก 4 แกนปฏิรูปเสร็จสมบูรณ์ จะช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ทำให้ขั้นตอนปล่อยกู้และติดตามหนี้มี ประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมมากขึ้น แม้จะล่าช้ากว่ากำหนด แต่แผนจะเดินหน้าให้สำเร็จ