นักเศรษฐศาสตร์ สะท้อนกำลังซื้อในประเทศอ่อนแอ ผู้ประกอบการขึ้นต้นทุนไปสู่ผู้บริโภคไม่ได้ หวั่นเงินเฟ้อต่ำ ฉุดเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะ “ซึมยาว”
นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ภาพเงินเฟ้อของไทยที่ “ติดลบ” ต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การติดลบชั่วคราวจากราคาสินค้า หากภาพใหญ่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มี “แรงกดดันเงินเฟ้อ” หรือ inflationary pressure ที่อยู่ในระดับต่ำมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
และเงินเฟ้อที่เห็นติดลบในปัจจุบัน ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เงินเฟ้อไทยชะลอตัวมานานติดต่อกันเป็น 10 ปี ไม่ใช่เพิ่งมาเกิดในปีนี้ จาก core inflation ที่ปัจจุบันต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางมาต่อเนื่อง เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องชั่วคราว แต่มันคือ สัญญาณโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่มีปัญหามานาน
“เราไม่ได้มีเงินเฟ้อเพราะดีมานด์เลย ไม่มีแรงกดดันด้านราคา สะท้อนว่าภาคธุรกิจขาดพลังในการส่งต่อราคาสินค้าต่อผู้บริโภค หรือพูดง่ายๆ คือ ไม่มีใครกล้าขึ้นราคา เพราะผู้บริโภคไม่มีเงินพอจะรับราคาที่สูงขึ้น” นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ เปิดเผยต่ออีกว่า การที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้กระทบแค่ตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่ยังส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค ผู้ประกอบการ และนักลงทุนในด้านความเชื่อมั่นต่างๆ ให้ลดลง ทั้งขาด pricing power ของธุรกิจ ที่ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาสินค้าหรือบริการได้ เจ้าของบ้านไม่สามารถปรับขึ้นราคาค่าเช่าได้ ในภาวะที่เงินเฟ้อต่ำต่อเนื่องซ้ำร้ายในด้านการลงทุนอาจลดลง เมื่อราคาสินค้าไม่เพิ่มขึ้น นักลงทุนไม่มีแรงจูงใจในการลงทุนเพื่อสร้างกำไรในอนาคต กระทบเป็นลูกโซ่ไปถึง “ค่าจ้าง” ที่อาจไม่ขยับตามเมื่อไม่มีเงินเฟ้อ รายได้แรงงานก็ไม่ปรับเพิ่ม ทำให้กำลังซื้อในระบบไม่หมุนเวียน สุดท้ายก็ย้อนกลับมาสู่ ความมั่นใจทางเศรษฐกิจที่ยิ่งถดถอยลง ทั้งผู้บริโภค และผู้ประกอบการชะลอการใช้จ่าย และการลงทุน
ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่ต่ำต่อเนื่องยังเสี่ยงนำพาประเทศไทย เดินตามรอย “ญี่ปุ่น” ที่เผชิญกับดักเงินฝืดหลังวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่ในทศวรรษ 1990 ทำให้เศรษฐกิจติดหล่มเป็นระยะเวลานานไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ง่ายๆ