โดย...ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์
ตัวอย่างประเทศที่สามารถ “ปรับเปลี่ยนจารีต” ได้สำเร็จ โดยไม่ทำลายรากวัฒนธรรมเดิม แต่แปลงจารีตให้กลายเป็นพลังของการพัฒนา
~ญี่ปุ่น: “Modernize Tradition, Not Abandon It”
บริบท:
• ญี่ปุ่นมีระบบจารีตที่เข้มแข็งมาก เช่น เคารพผู้ใหญ่ วัฒนธรรมลำดับชั้น ค่านิยมหมู่
• หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นต้องปฏิรูประบบรัฐ เศรษฐกิจ และการศึกษาใหม่หมด
วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) รัฐธรรมนูญใหม่: ยกเลิกอำนาจสมบูรณาญาสิทธิ์ของจักรพรรดิ แต่ยังคงสถานะเป็น “ศูนย์รวมใจ”
2) ระบบราชการ: ปรับจากระบบซามูไร-ขุนนาง เป็นระบบคุณธรรม ใช้การสอบแข่งขัน
3) วัฒนธรรมองค์กร: ปรับค่านิยม “เคารพผู้อาวุโส” เป็น “การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง“ (Kaizen)
4) การศึกษา: สร้างพลเมืองประชาธิปไตย แต่ยังสอดแทรกคุณค่าดั้งเดิม เช่น ความขยัน อดทน
ผลลัพธ์:
• เติบโตเป็น “มหาอำนาจเศรษฐกิจ” หลังสงครามภายใน 30 ปี
• วัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็น soft power ที่ทั่วโลกชื่นชม
~เกาหลีใต้: “From Dictatorship to Cultural Powerhouse”
บริบท:
• เคยเป็นประเทศยากจน หลังสงครามเกาหลี (1950s)
• ระบบจารีตแบบขงจื๊อฝังลึก เช่น พ่อเป็นใหญ่ หญิงอยู่หลังชาย เคารพผู้มีอำนาจ
วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) การเมือง: เคยมีเผด็จการ (Park Chung-hee) ปลุกพลังพลเมืองล้มรัฐบาลเผด็จการ (1987)
2) เศรษฐกิจ: ใช้รัฐเป็นผู้นำพัฒนาอุตสาหกรรม + เปิดให้เอกชนแข่งขัน
3) วัฒนธรรม: จาก “เชื่อฟังโดยไม่ตั้งคำถาม” สู่ “เสรีภาพในการคิดสร้างสรรค์” (K-pop, K-drama)
4)การศึกษา: เคารพการเรียนรู้แบบแข่งขัน แต่เริ่มปรับเข้าสู่ soft skills, critical thinking
ผลลัพธ์:
• เป็นประเทศอุตสาหกรรมขั้นสูง มีเทคโนโลยีระดับโลก (Samsung, Hyundai)
• กลายเป็นผู้นำวัฒนธรรมเอเชีย (K-culture)
~ไต้หวัน: “ปรับจารีตเพื่อสร้างประชาธิปไตยและนวัตกรรม”
บริบท:
• มีพื้นฐานจารีตขงจื๊อ ระบบราชการจีนแบบโบราณ
• เคยอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการของพรรคก๊กมินตั๋ง
วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) การเมือง: ปฏิรูปจากพรรคเดียว เป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ (1990s)
2) การศึกษา: ปรับจาก “เรียนตามตำรา” เป็น “การเรียนรู้เชิงนวัตกรรม”
3) เทคโนโลยี: เคารพผู้นำจารีต แต่เปิดพื้นที่ให้ “คนรุ่นใหม่” นำเทคโนโลยี (เช่น Audrey Tang)
4) วัฒนธรรมประชาธิปไตย: ใช้เครื่องมือ Digital Democracy เช่น vTaiwan ให้คนรุ่นใหม่ร่วมกำหนดนโยบาย
ผลลัพธ์:
• เป็นผู้นำด้าน Semiconductor ของโลก (TSMC)
• เป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบประชาธิปไตยเปิดกว้างที่สุดในเอเชีย
• คนรุ่นใหม่เป็นพลเมืองดิจิทัลที่ตื่นรู้และเคารพรากวัฒนธรรม)
~จีน: “Modernization Without Westernization”
บริบท:
• มีรากลึกในจารีตขงจื๊อ ระบบอาวุโส ครอบครัวนิยม และการรวมศูนย์อำนาจ
• หลังปี 1949: ใช้คอมมิวนิสต์ปฏิเสธจารีตเก่า แต่หลัง 1978 (เติ้ง เสี่ยวผิง) ฟื้นฟูจารีตบางอย่างเพื่อเสถียรภาพ
วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) การเมือง: คงระบบรวมศูนย์แต่เสริมความชอบธรรมด้วยจารีตขงจื๊อ
2) เศรษฐกิจผสมกลไกตลาดกับวาทกรรม “ความสามัคคีและเสถียรภาพ” แบบจารีต
3) วัฒนธรรม: ส่งเสริม “ความเป็นจีน” เช่น การศึกษาแบบขงจื๊อ และวัฒนธรรมฮั่น
4) นโยบายสังคม: จารีตถูกใช้เพื่อควบคุมสื่อ เสรีภาพ และเนื้อหาทางวัฒนธรรม
ผลลัพธ์:
• เป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจ แต่จำกัดเสรีภาพพลเมือง
• ใช้จารีตเป็นเครื่องมือสร้างอำนาจรัฐ ไม่ใช่ส่งเสริมปัจเจกและนวัตกรรมเสรีp
~อินเดีย: “Pluralistic Tradition Meets Democracy”
บริบท:
• มีจารีตหลากหลายมาก ทั้งศาสนาฮินดู ระบบวรรณะ ความเชื่อชนเผ่า ฯลฯ
• หลังได้รับเอกราช (1947) อินเดียเลือกทาง “ประชาธิปไตยแบบพหุนิยม”
วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) การเมือง: วางรากประชาธิปไตยบนโครงสร้างทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย
2) กฎหมาย: ยกเลิกระบบวรรณะอย่างเป็นทางการ แต่ยังฝังอยู่ในวิถีชีวิต
3) การศึกษา: ส่งเสริม ฆราวาสนิยม (Secularism) ร่วมกับวัฒนธรรมพื้นถิ่น
4) วัฒนธรรม: เปิดพื้นที่ให้ศิลปะ/สื่อสะท้อนปัญหาจารีต (เช่น หนังเรื่อง Caste-based)
ผลลัพธ์:
• เป็นประชาธิปไตยขนาดใหญ่สุดของโลก
• ยังมีความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้งทางศาสนา/วรรณะสูง สะท้อนว่า “การแปรรูปจารีต” ต้องทำต่อเนื่องหลายระดับ
~บาห์เรน: “จารีตอาหรับ + โมเดลรัฐสมัยใหม่”
บริบท:
• ปกครองโดยราชวงศ์ มีวัฒนธรรมอาหรับอิงศาสนาอิสลามชีอะห์-สุหนี่
• เป็นรัฐเล็กที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากสังคมโลกและเพื่อนบ้านในอ่าว
วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) การเมือง: ยังคงราชวงศ์ แต่มีรัฐสภาและการเลือกตั้งจำกัด (แบบ hybrid system)
2) วัฒนธรรม: คงจารีตศาสนา/ครอบครัว แต่เปิดรับสื่อสมัยใหม่ วัฒนธรรมตะวันตกบางส่วน
3) บทบาทสตรี: มีความพยายามเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงในวิชาชีพและการศึกษา
4) เศรษฐกิจ: พึ่งพาน้ำมัน แต่กำลังพัฒนา Fintech และธุรกิจบริการ
ผลลัพธ์:
• เป็นรัฐแบบกึ่งเปิด: ไม่เสรีเท่าตะวันตก แต่ยืดหยุ่นกว่าเพื่อนบ้านอย่างซาอุฯ
• ความขัดแย้งทางศาสนายังเป็นความท้าทายหลัก
~กาตาร์: “รักษาราชวงศ์ไว้บนโครงสร้างเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์”
บริบท:
• ปกครองโดยราชวงศ์อิสลามสุหนี่ มีโครงสร้างจารีตเข้มแข็งในครอบครัว ชุมชน และบทบาทสุภาพสตรี
• ใช้รายได้จากพลังงานเพื่อขับเคลื่อนโมเดลรัฐมั่งคั่งทันสมัย
วิธีปรับเปลี่ยนจารีต:
1) เศรษฐกิจ: รัฐลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโลก เช่น Qatar Airways, World Cup
2) วัฒนธรรม: ใช้ Soft Power เช่น Al Jazeera เพื่อสะท้อนอัตลักษณ์อาหรับ-มุสลิม
3) การศึกษา: เปิดมหาวิทยาลัยจากโลกตะวันตก (เช่น Georgetown, Northwestern University)
4) การเมือง: ยังจำกัดเสรีภาพการแสดงออกและการเมืองในประเทศ
ผลลัพธ์:
• เป็น “รัฐร่ำรวยที่ทันสมัย” แต่ควบคุมเสรีภาพภายใน
• ปรับเปลี่ยนจารีตเฉพาะในระดับเศรษฐกิจ ไม่ใช่ในระดับสถาบันพลเมือง
บทเรียนร่วม:
1) แนวทาง: “ไม่ทิ้งจารีต แต่ตีความใหม่ให้สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่”
2) กลยุทธ์: สร้างความสมดุลระหว่าง รากวัฒนธรรม กับ โครงสร้างใหม่ (สถาบัน นโยบาย)
3) ผู้ขับเคลื่อน: พลเมืองรุ่นใหม่ที่เข้าใจรากเดิมและกล้าทำลายวงจรเดิม
4) เป้าหมาย: เป็นประเทศที่ทันสมัย มีศักยภาพแข่งขัน โดยไม่สูญเสียอัตลักษณ์