"แพทองธาร" เผยความมั่นใจนักลงทุนเวียดนามยังเหนียวแน่น แม้มีนโยบายภาษีใหม่จากสหรัฐฯ ชี้ไทย-เวียดนามมีข้อเสนอร่วมที่ได้รับสัญญาณบวกจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ พร้อมยกระดับความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนยุทธศาสตร์
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนโยบายภาษีสหรัฐฯ ที่มีต่อไทยว่า จากการพูดคุยกับภาคเอกชนเวียดนาม ค่อนข้างมีความกังวลเหมือนไทยช่วงแรกๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็มีความลงตัวมากขึ้น รวมถึงข้อเสนอของไทยที่เสนอไป ก็มีผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่นเดียวกับของเวียดนาม ทำให้ทั้งไทยและเวียดนามหาจุดที่ลงตัวได้ เมื่อได้แบบพูดคุยกันแล้ว ก็พบว่าทั้งสองประเทศอยู่ในจุดเดียวกัน และโชคดีที่ข้อเสนอของไทยได้รับสัญญาณเชิงบวกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ที่หยิบยกขึ้นมาว่าเป็นข้อเสนอที่มีประโยชน์และเป็นข้อเสนอที่ดี เหมาะสมกับที่ทั้งทีมทำการบ้านมา และคิดว่าจะเกิดผลเป็นรูปธรรมเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการนัดหารือเพื่อตกลงวันเจรจากับสหรัฐ ฯ แต่การที่สหรัฐฯ ส่งสัญญาณมาว่า ขณะนี้ข้อเสนอของไทยน่าสนใจ ดังนั้นการนัดวันหารือคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ซึ่งนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ถ้าหากพร้อมและสหรัฐฯจัดคิวให้ ก็น่าจะถึงประเทศไทยเร็วๆนี้
รัฐบาลเวียดนามจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะอย่างเป็นทางการ
เวลา 19.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาลเวียดนาม กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธารเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในโอกาสเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ โดยมีนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นเจ้าภาพ
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มงานเลี้ยง นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้นำนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการหัตถกรรมท้องถิ่นของเวียดนาม รวมถึงของที่ระลึกจากทั้งสองฝ่ายซึ่งจัดแสดงบริเวณทางเข้างาน
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวที แสดงความยินดีและขอบคุณรัฐบาลเวียดนามที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งนายกรัฐมนตรีเวียดนามเป็นผู้นำคนแรกที่ได้โทรศัพท์แสดงความยินดี ต้องขอบคุณอีกครั้ง การเยือนครั้งนี้ เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรก ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทั้งสองประเทศต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการเมืองและเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุม JCR ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ว่าเป็นโอกาสครบรอบ 20 ปีของกลไกพิเศษที่ไทยมีเฉพาะกับเวียดนาม และเวียดนามก็มีกลไกนี้เฉพาะกับไทยเท่านั้น อีกทั้งยังแสดงความยินดีที่ไทยและเวียดนามจะยกระดับความสัมพันธ์เป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน” ในระหว่างการเยือนครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือในทุกมิติอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ โดยการค้าระหว่างไทยกับเวียดนามขยายตัวกว่า 20 เท่าในรอบ 30 ปี และไทยเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ในเวียดนาม ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญมีศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกันในอนาคต ขณะเดียวกัน ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์เชิงวัฒนธรรมและประชาชนที่แน่นแฟ้น ทั้งในด้านอาหาร ดนตรี ละคร และชุมชนไทยเชื้อสายเวียดนามในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไทยเป็นประเทศเดียวในโลกนอกเหนือจากเวียดนามที่มีอนุสรณ์สถานของประธานโฮจิมินห์ถึง 3 แห่ง ที่จังหวัดอุดรธานี นครพนม และพิจิตร สะท้อนความผูกพันธ์ทางประวัติศาสตร์ พร้อมแสดงความยินดีที่ละครไทยได้รับความนิยมในเวียดนามอย่างมาก ทำให้ไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเวียดนามกว่า 1 ล้านคน ในปีที่ผ่านมา ขณะที่คนไทยกว่า 5 แสนคนก็เดินทางท่องเที่ยวเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมืองเว้ ดานัง ดาลัด และซาปา
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ และคณะรัฐมนตรีเวียดนามเยือนไทย เพื่อร่วมชมการแข่งขันนัดชิงเหรียญทองฟุตบอลชาย หากไทยและเวียดนามพบกันในรอบชิงชนะเลิศ ซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพช่วงปลายปีนี้ พร้อมกล่าวเชิญชวนแขกผู้มีเกียรติร่วมดื่มอวยพรแด่ผู้นำเวียดนาม และเพื่อความสัมพันธ์และมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศสืบไป