องค์พระพุทธไสยาสสุดงดงามที่ใครก็ต้องมาสัมผัส สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 งานศิลป์ช่างหลวงระดับมาสเตอร์พีซ ล่าสุด "โมที-ผู้นำศรีลังกา" ยังขอกราบถึงถิ่น!
พระพุทธไสยาส The Reclining Buddha ที่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และต่างชาติ และ VVIP เช่นนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นางฮีลาลี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งท่านอื่นๆ ที่เป็นผู้นำประเทศ ได้มาเยี่ยมชมกันอย่างต่อเนื่อง โดยไม่รวมนักท่องเที่ยวทั่วไป
ล่าสุด วันที่ 3-4 เมษายน 2568 นายนเรนทรา โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย และดร.ฮารินี อมรสุริยะ นายกรัฐมนตรี ศรีลังกา มาเยี่ยมชมในช่วงที่มาประชุม 'บิมสเทค' ครั้งที่ 6 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
ความสำคัญของพระพุทธไสยาส นั้นถึงกับเป็นสัญญลักษณ์งานไหว้พระประจำปี ช่วงสงกรานต์ โดยเรียกว่างานไหว้พระพุทธไสยาส หรือพระนอน
จากความโดดเด่นดังกล่าว จึงขอเล่าเรื่องพระพุทธไสยาส ที่พระเทพวัชรสีลาภรณ์ (สิงห์ไชย สิริวณฺโณ ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯรวบรวมไว้ใน หนังสือ เรื่อง "ย่อประวัติวัดพระเชตุพน พระพุทธรูปสำคัญ ทำเนียบสมณศักดิ์พระสังฆาธิการวัดพระเชตุพน จัดพิมพ์ งานบำเพ็ญกุศล ครบรอบวันประสบอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567"
อุบัติเหตุที่ว่านั้นเกิด เมื่อ 26 กรกฎาคม พศ.2518 ที่ถนนวิภาวดีย่านบางเขน ทำให้คนขับรถและผู้ร่วมเดินทาง 1 คน ที่นั่งด้านหน้าเสียชีวิต ส่วนพระสงฆ์นั่งด้านหลังรอด สาเหตุเพราะคนขับเมาเหล้า ขับรถเร็วเลี้ยวตัดหน้ารถที่วิ่งสวนทางมาบนถนนวิภาวดี แบบกระทันหัน จึงเกิดอุบัติเหตุน่าสลดใจขึ้น
เพื่อรำลึกเหตุการณ์วันนั้น พระเทพวัชรสีลาภรณ์(สิงห์ไชย) ทำบุญเลี้ยงพระทุกปีเมื่อถึงวันที่ 26 กรกฎาคม แม้จะล่วงเลยมานานนับ 59 ปีแล้วก็ตาม (ข้อมูลจาก นสพ.ที่หลวงพ่อสิงห์ไชยตัดเก็บและพิมพ์ในหนังสือเล่มนั้น)
ส่วนเรื่องพระพุทธไสยาส วัดโพธิ์ฯ เป็นบทความ 1 ในหลายเรื่อง ที่เขียนโดย พระราชโมลี (กมล โกวิโท) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ (มรณภาพ เมื่อ 2 กันยายน พ.ศ 2545 ขณะที่มีสมณศักดิ์ ที่พระธรรมราชานุวัตร.) มีความโดยย่อว่า
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรด ให้สร้าง พระพุทธไสยาส บนที่ดินที่เคยเป็นวังเก่าของพระองค์เจ้ากุหรือเจ้าครอกวัดโพธิ์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ต่อมาเป็นที่ประทับ ของพระโอรสของพระองค์เจ้ากุ และโปรดให้พระโอรสย้ายไปประทับวังใหม่ใกล้ประตูสะพานหัน
พระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาให้สร้างพระนอนหรือพระพุทธไสยาส ที่วังเก่าของเจ้าครอกวัดโพธิ์ เนื่องจากมีพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่วัดอยู่แล้ว ขาดแต่ปางประทับบรรทม (พระนอน) เท่านั้น เป็นการสร้างด้วยอิฐถือปูน ลงรักปิดทอง สำนักงานราชบัณฑิตอธิบายว่าเป็นพระนอนที่งามที่สุดในประเทศไทย มีขนาดใหญ่ องค์พระยาว 46 เมตร สูง 15 เมตร ลักษณะองค์พระ อยู่ในอิริยาบถสีหไสยา คือนอนตะแคงขวา พระหัตถ์ซ้าย ทาบทอดไปตามพระวรกาย พระกัจฉะ( รักแร้) หนุนเขนย พระหัตถ์ขวายกประคองพระเศียรให้ตั้งขึ้น พระบาทซ้ายทับพระบาทขวา ปลายพระบาทเสมอกัน ฝ่าพระบาทจำหลัก ลวดลายประดับมุก เป็น ภาพมงคล 108 เป็นพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหู ฝีมือช่างสิบหมู่
พระราชโมลี (กมล) เล่าว่าเมื่อสร้างองค์พระแล้ว จึงสร้างพระวิหารลดมุข 3 ชั้นในภายหลังให้เป็นที่ประดิษฐานองค์พระนอน วิหารนี้เหมือนพระอุโบสถ โดยหลังคามุงกระเบื้องเคลือบสีขาบจากเพชรบุรี สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงนิพนธ์ โคลงศิลาจารึกว่า 'โตเล่นหาง' เล่าเรื่องพระนอนค่อนข้างยาว
จุดเด่นของพระนอนนอกจากงาม ใหญ่โตมโหฬารแล้ว ส่วนพระบาทก็พิเศษมากคือยาว 5 เมตร สูง 3 เมตร โปรดให้จำหลักมุก เป็นภาพมงคล 108 ประดับที่พื้นฝ่าพระบาท เพื่อให้ถูกต้อง ตามตำรามหาปุริลักษณะ ฝีมือมุกนี้งามยิ่งนัก ถ้าจะดูความงามของพระนอนนี้ ต้องยืนดูทางพระพุทธบาท จะมองเห็นพระเกตุ (เศียรพระ) จรดเพดาน พระพักตร์งามจับตาจับใจ
(อนึ่งมีพระนอนองค์ใหญ่ขนาดใกล้เคียงกับพระนอนวัดโพธิ์มี 2 องค์คือพระนอนที่เชิงเขาวัง จังหวัดเพชรบุรี และพระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี แต่งามเทียบไม่ได้กับพระนอนวัดโพธิ์)
ส่วนผนังวิหารพระนอนวัดโพธิ์ ตกแต่งด้วยภาพเขียน โดยตอนบนเป็นภาพเขียนเรื่องมหาวงศ์ ตอนล่างระหว่างหน้าต่าง เขียนเรื่อง พระสาวิกาเอตทัคคะ 13 องค์ อุบาสกเอตทัคคะ10 คน และอุบาสิกาเอตทัคคะ 10 คน เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาเรื่องราวด้วยภาพฝีมือการเขียนภาพประณีตไม่ใช่น้อย เสียดายที่ลบเลือนไปมาก
ในช่วงแผ่นดินไหว 27 มีนาคม 2568 นั้น ไม่กระทบองค์พระนอน แม้จะมีรอยร้าว แต่เป็นของเก่า ด้วยความโดดเด่น และการบริหารจัดการของเจ้าอาวาสทุกรูป รวมทั้งสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ประสฤทธ์) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันพระพุทธไสยาส จะดำรงความเด่นเป็นศรีสง่าของวัดและเป็นเป้าหมายหลักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ไปตลอดกาลนาน