วิกฤตวังหน้า! ศึกใหญ่ของสมเด็จพระปิยมหาราชช่วงต้นรัชสมัย  แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพจึงทรงเอาชนะศึกครั้งนั้นได้

วิกฤตวังหน้า! ศึกใหญ่ของสมเด็จพระปิยมหาราชช่วงต้นรัชสมัย  แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพจึงทรงเอาชนะศึกครั้งนั้นได้
ที่กล่าวว่าเป็นศึกใหญ่นั้น ต้องดูให้ลึก จะพบว่าเรื่องนี้ยิ่งกว่าศึกสงคราม แม้จะไม่มีการรบแต่เป็นกระบวนการที่อาจทำให้เปลี่ยนรัชกาลได้

เรื่องมีว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระชนม์ 20 พรรษา ทรงบรรลุนิติภาวะไม่ต้องพึ่งสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)  เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินต่อไป พระองค์จึงทรงปฏิรูปประเทศ ตามแนวพระราชดำริคือทรงตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน(Council of State) และสภาที่ปรึกษาในพระเจ้าอยู่หัว (Privavy Council)  2 คณะ โดยทรงเชิญพระบรมวงศ์ ขุนนางผู้ใหญ่ เข้าร่วมเป็นกรรมการ บุคคลที่ถูกเชิญหนึ่งในจำนวนนั้นได้แก่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) อดีตผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน 
 
แต่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเมื่อสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ปฏิเสธ  และมีหนังสือกราบบังคมทูลว่า เหมือนดูหมิ่นเพราะเคยเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน(ใหญ่) มาแล้ว การปฏิเสธของสมเด็จเจ้าพระยา ส่งผลรุนแรงเพราะผู้ที่รับว่าจะเป็นกรรมการส่วนหนึ่งได้ปฏิเสธด้วย

 อย่างไรก็ตามพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระขันติธรรมและทรงให้อภัยไม่ถือโทษแต่อย่างใด ได้ตอบสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ว่า การทั้งนี้ไม่ถือโกรธ ยังนับถืออย่างไรก็จะนับถือต่อไป มีสิ่งใดที่จะปรึกษาก็จะปรึกษาเหมือนเดิม

ที่ว่าสงครามที่ไม่ได้รบแต่ส่งผลแรงนั้น  นักประวัติศาสตร์เรียกว่าวิกฤตวังหน้า เป็นเหตุการณ์ร้ายแรง ในต้นรัชสมัย สืบเนื่องจากที่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ทรงเป็นวังหน้าพระองค์แรกที่พระมหากษัตริย์ มิได้ทรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง แต่ได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุมพระบรมวงศ์ศานุวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ที่มีเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วงบุนนาค) เป็นประธานที่ประชุมและที่ประชุมเสนอ ให้เลือก และแต่งตั้งวังหน้า 

กล่าวได้ว่าเป็นการแต่งตั้งที่มีนัยะแอบแฝงอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างวังหน้ากับวังหลวงไม่ราบรื่นนักวิกฤตวังหน้าเกิดปลายเดือนธันวาคมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2417 เป็นเวลา 2 เดือน

ในตอนนั้นวังหน้าหวาดระแวงพระราชภัยจากวังหลวง จึงเสด็จไปอาศัยสถานกงสุลอังกฤษและเรียกร้องให้ข้าหลวงอังกฤษ เป็นผู้ไกล่เกลี่ยและเป็นพยานในขณะเดียวกันพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเชิญให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้ไกล่เกลี่ย เพราะไม่ต้องการให้ต่างชาติแทรกแทรงกิจการของเมืองไทย เพราะมีการเล่าลือกันว่าอาจมีการสู้รบกันแต่สุดท้ายต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องภายในของไทยจึงไม่เข้ามา 

วิกฤตวังหน้าจึงยุติลงโดยมีการกำหนดอำนาจและผลประโยชน์ของวังหน้าไว้อย่างชัดเจน ตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 1 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2417 

ในช่วงที่เกิดวิกฤตนั้น มีข่าวเล่าลือว่า ถ้ารัชกาลที่ 5 สวรรคต วังหน้าจะเป็นเจ้าแผ่นดินต่อไป

ใครคือสมเด็จเจ้าพระยาท่านนั้น เชิงอรรถหนังสือพระราชหัตถเลขา ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ 2417 ถึง พ.ศ 2418 ได้ให้ข้อมูลว่า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นเป็นบุตรสมเด็จเจ้าพระยามหาประยุรวงศ์ (ดิศ) กับท่านผู้หญิงจันทร์เกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2351 แรกรับราชการในรัชกาลที่ 3 เป็นนายไชยขรรค์ มหาดเล็กหุ้มแพร แล้วได้เป็นหลวงสิทธินายเวร เป็นจมื่นไวยวรนาถหัวหมื่นมหาดเล็ก แล้วเป็นพระยาศรีสุริยวงศ์จางวางมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 โปรดให้เป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์

เมื่อแรกถือตราศรพระขรรค์ เป็นทำนองผู้ทำการในที่สมุหพระกลาโหมต่อเมื่อสมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ (บิดา)ถึงแก่พิราลัยจึงโปรดให้เป็นสมุหพระกลาโหม ถือตราพระคชสีห์  ในรัชกาลที่ 5 โปรดให้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน (พ.ศ 2411 ถึง 2416) หลังจากที่พ้นตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแล้ว โปรดให้เป็นสมเด็จเจ้าพระยา เมื่อ พ.ศ 2416 ถึงแก่พิราลัย เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2425 อายุได้ 75 ปี

สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชสมภพ เมื่อวันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396  เสด็จสวรรคตเมื่อพระชนม์ 58 พรรษา วันที่ 23 ตุลาคม 2453 ทรงครองราชย์ 43 ปี  เป็นพราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ประสูติแต่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี 

เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อเพระชนมายุ 15 พรรษา โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จนกว่าพระชนมายุได้ 20 พรรษา คือ พ.ศ.2416 

 พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์นักปฏิรูป นักการศึกษา นักปกครองที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแด่ปวงชนชาวไทยเป็นล้นพ้น จึงทรงเป็นที่เทอดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมจนได้รับพระราชสามัญนามว่า สมเด็จพระปิยมหาราช

โดย สมาน สุดโต
 

TAGS: #พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว #วันปิยมหาราช #สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาสุริยวงศ์