ไทยเผชิญแรงกระแทกหนักจากสงครามภาษี "ทรัมป์ 2.0" คุณหญิงสุดารัตน์ชี้ 3 ผลกระทบใหญ่ กระทบการส่งออกไทย มูลค่าหายกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมเรียกร้องนายกฯ ตั้ง "Special Task Force" เร่งแก้ปัญหา ก่อนเศรษ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เตือนถึงผลกระทบที่รุนแรงจากการที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากไทยถึง 36% ภายใต้มาตรการ Reciprocal Tariff ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศ รวมถึงจีนที่ถูกขึ้นภาษี 34%
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า ไทยเป็นหนึ่งใน "Dirty 15" หรือกลุ่มประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของสหรัฐฯ ในอาเซียน มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 81,000 ล้านดอลลาร์ และได้ดุลการค้าสหรัฐฯ ถึง 46,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง เปรียบเสมือนแผ่นดินไหว 3 ลูกที่อาจทำให้ "ตึกประเทศไทย" สั่นคลอน
3 ผลกระทบใหญ่จากการขึ้นภาษีสหรัฐฯ
การส่งออกไทยได้รับผลกระทบหนัก
สินค้าไทย โดยเฉพาะภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ กว่า 64,000 ล้านดอลลาร์ จะได้รับผลกระทบโดยตรง
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ไทยอาจสูญเสียรายได้จากการส่งออก นับ 10,000 ล้านดอลลาร์
สินค้าไทยต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
จีนอาจใช้โอกาสนี้ทุ่มตลาดสินค้าราคาถูกเข้าไทยมากขึ้น
การคาดหวังว่าไทยจะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากจีน อาจลดลง
เศรษฐกิจไทยเสี่ยงชะลอตัว
หากไม่มีมาตรการรับมือที่มีประสิทธิภาพ ไทยจะเผชิญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลง
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า GDP ไทยอาจลดลง 1.2% จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.5-2.8%
ข้อเสนอเร่งด่วน: นายกฯ ต้องตั้ง "Special Task Force"
คุณหญิงสุดารัตน์เสนอให้ นายกรัฐมนตรีตั้งคณะทำงานพิเศษ (Special Task Force) ที่นายกฯ ต้องเป็นประธานเอง เพื่อให้การรับมือกับปัญหานี้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวงและหน่วยงานรัฐ ซึ่งอาจทำงานล่าช้าและไม่เป็นเอกภาพ
เธอแนะนำว่า รัฐบาลควรดึงภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรม หอการค้า สมาคมธนาคารไทย สภา SMEs และนักเศรษฐศาสตร์ มาร่วมวางแผนแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ก่อนที่ "ตึกประเทศไทย" จะพังทลายจากแรงสั่นสะเทือนของสงครามภาษี
#พรรคไทยสร้างไทย #กำแพงภาษี #สงครามภาษี #Trumptariff