"อนุทิน" นำคณะติดตามน้ำท่วมพื้นที่ตะพานหินพิจิตร ย้ำรัฐบาลไม่เพิกเฉยหรือไม่ละเลยในการดูแลประชาชน เร่งจ่ายเงินเยียวยาล็อตแรกภายในสัปดาห์หน้า มอง 9,000 บาทไม่คุ้มค่าความเสียหาย
เวลา 14.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกะทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธาธารณสุข น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมคณะ ทั้งส่วนราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามการช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ณ โรงเรียนเทศบาลตะพานหินวิทยาคาร อ.ตะพานหิน ต.พิจิตร
นอกจากนี้ ยังมี น.ส.ธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พล.ท.วรเทพ บุญญะ แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 นายกิติพล เวชกุล รองผู้ว่าฯ พิจิตร นายธนิต ภูมิถาวร รองผู้ว่าฯ พิจิตร หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการชมรมแม่บ้านมหาดไทย นายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ 3 สส.จังหวัดพิจิตร นายกฤษฏ์ เพ็ญสุภา นายก อบจ.พิจิตร นายปัญญา แพมงคล นายกเทศมนตรีเมืองตะตะพานหิน และประชาชนในพื้นที่กว่า 1,000 คน มาร่วมให้การต้อนรับ
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ตนมาให้กำลังใจพ่อแม่พี่น้องชาวตะพานหิน จ.พิจิตร ซึ่งได้ทราบจากผู้ว่าฯ พิจิตร และ ส.ส. ในพื้นที่ ซึ่งได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ขอให้พี่น้องประชาชนได้อดทนอีกนิดนึง เพราะตอนนี้ช่วงปลายฝนแล้ว สถานการณ์กำลังจะดีขึ้น แต่ที่สำคัญคือ "รัฐบาลจะไม่เพิกเฉย และละเลย" พี่น้องประชาชนไม่ถูกทอดทิ้งแน่นอน โดยภายในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะอนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ครัวเรือนละ 9,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้แม้ว่าไม่คุ้มค่ากับความเสียหาย แต่รัฐบาลจะเร่งเยียวยาและพยายามหาวิธีการช่วยเหลือ โดยได้มอบหมายให้นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปหาวิธีช่วยเหลือพี่น้องประชาชนร่วมกับสำนักงบประมาณ และหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นความผิดของรัฐบาลที่ไม่สามารถระบายน้ำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้ทัน ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน
สำหรับกรณีที่อำเภอตะพานหินจังหวัดพิจิตรแห่งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนไปลงทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ ถ้าใครไม่ได้ลงทะเบียนผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเดือดร้อน ดังนั้น ผู้ว่าฯ ต้องสั่งการให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ช่วยกันทำให้เกิดความมั่นใจว่า พี่น้องประชาชนทุกคนได้ลงชื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เพื่อเงินจะได้ไปถึงพี่น้องประชาชน โดยมีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นผู้ดำเนินการโอนเงินเยียวยาเข้าบัญชีของพี่น้องประชาชน รวมถึงต้องลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งพลัสด้วย ซึ่งจะมีเงินค่าใช้จ่ายวันละ 200 บาท ให้พี่น้องประชาชนได้ไปจับจ่ายใช้สอย เพื่อให้ทั่วประเทศมีเงินหมุนเวียน ทำให้พี่น้องประชาชนได้มีเงินมีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยทุกครั้งที่ใช้สอย รัฐบาลจะเติมให้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งเงินนี้ไม่ใช่เงินหยอดกระปุก ไม่ใช่เงินเยียวยา ไม่ใช่เงินช่วยเหลือ เป็นเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เราต้องใช้จ่ายใช้สอย นอกจากนี้ ยังมีเงินช่วยเหลือเติมเข้าในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,700 บาท จากเดือนละ 300 บาท เป็นเดือนละ 2,000 บาท
ขณะนี้รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณให้พี่น้องประชาชนหมดแล้ว ดังนั้น การจับจ่ายใช้สอยจะทำให้พี่น้องประชาชนมีเม็ดเงินมาใช้ในการซื้อข้าวซื้อของในช่วงปีใหม่นี้ด้วย "เมืองไทยไม่มีคนจน มีแต่คนมีน้ำใจ"
นายอนุทิน ยังฝากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ได้ให้การช่วยเหลือดูแลปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบภาวะบ้านเรือนถูกน้ำท่วม หมั่นคอยไปดูแลไปให้ความเข้าใจ และแจ้งไปยังสถานีอนามัยต่างๆ ถ้ามีการเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งในช่วงที่น้ำท่วมพี่น้องประชาชนต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะอาจจะเกิดกระแสไฟรั่ว และหาดน้ำท่วมขังเป็นปริมาณมากขอให้ย้ายไปยังบ้านญาติหรือศูนย์พักพิงก่อน แล้วเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว จึงจะกลับไปที่บ้าน
เหล่านี้คือหน้าที่ของรัฐบาลในการบริหารจัดการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แน่นอนว่า บางครั้งเราอาจจะเอาชนะภัยธรรมชาติไม่ได้แต่เราจะพยายามทำให้ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ลดลงให้มากที่สุด ให้มีความเดือดร้อนน้อยที่สุด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเอาใจใส่พ่อแม่พี่น้องประชาชน "การเอาใจพ่อแม่พี่น้องประชาชนถือเป็นการเอาใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" คือ การทำให้ประชาชนไม่ลำบาก ด้วยการหามาตรการ หากลไก หาวิธี ที่จะทำให้ชื่อของพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนไปปรากฏที่ระบบ ปภ. ให้ได้ และสัปดาห์หน้าเมื่ออนุมัติเงินในระบบแล้ว เงินจะเข้าไปยังบัญชีพ่อแม่พี่น้องประชาชนทันที
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาแผนฟื้นฟูปรับระบบระบายน้ำ ทั้งการเสริมถนน ทำโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้แข็งแรงกว่าเดิม เพื่อให้พิจิตรได้มีระบบจัดการน้ำที่ดีขึ้น ไม่ต้องเจอเหตุการณ์ซ้ำๆ ซากๆ แบบนี้อีก ซึ่งต้องหาวิธีระบายน้ำ เช่น บึงสีไฟ ที่ในหน้าแล้งก็จะแล้งมาก เราต้องทำอย่างไรให้ผันน้ำเข้าไปในบึงสีไฟ และหาทางที่จะผันน้ำไปสู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุด โดยจะมีแผนทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวต่อไป แต่ขณะเดียวกัน หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก เราต้องให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเป็นลำดับแรกก่อน และหาทุกวิธีทางเพื่อเยียวยาพี่น้องประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด
ด้านผู้ว่าฯ พิจิตร กล่าวว่า จากอิทธิพลของพายุวิภา พายุทาจิกิ พายุหนองฟ้า และพายุบัวลอย ตั้งแต่เดือน ก.ค. - ก.ย. 68 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดฝนตกชุกทั้งภาคเหนือ และส่งผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดพิจิตรเป็นวงกว้าง มีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมขัง 13,961 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย 34,449 ไร่ โดย จ.พิจิตร ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทั้งมอบถุงยังชีพ เครื่องอุปโภค บริโภค พร้อมซ่อมแซมบ้านเรือน และระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงด้านการแพทย์และการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง
สำหรับ อ.ตะพานหิน มีพื้นที่ประสบภัย 10 ตำบล 37 หมู่บ้าน 13 ชุมชน ที่พักอาศัยถูกน้ำท่วมขัง 1,033 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 1,349 ไร่ และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำจากแม่น้ำน่านและมวลน้ำจาก จ.เพชรบูรณ์ ได้เอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ และพื้นที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชตะพานหินบางส่วน ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ได้เริ่มคลี่คลาย และกลับเข้าสู่ภาวะปกติ