“ทวี” มองตั้ง “ทักษิณ” เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน เพราะเห็นคุณค่า ศักยภาพ ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาภาคใต้ บอกเป็นเรื่องดีได้พิสูจน์ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ชั้น 14 ในป.ป.ช. มั่นใจ เจ้าหน้าที่ 12 คนมีหลักฐานแน่น
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวถึงกรณีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะทำให้เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นหรือไม่ ว่า การแต่งตั้งก็คงไม่ใช่เฉพาะเรื่องภาคใต้ แต่เพราะเห็นคุณค่าในศักยภาพของนายทักษิณ ซึ่งวันนี้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญ และอาเซียนเป็นศักยภาพของโลก ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงทางความหลากหลาย ทางวัฒนธรรม ซึ่งในพื้นที่ภาคใต้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีศักยภาพที่รัฐบาลต้องพัฒนาและยกระดับ โดยปัญหาสำคัญทำให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งเป็นพลวัตที่ต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วม ซึ่งการเปลี่ยนผ่านหนีไม่พ้นเรื่องการให้ความยุติธรรม การเยียวยา การฟื้นฟู และการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน อดีตเป็นบทเรียนที่ดี ปัจจุบันและอนาคตเป็นความรับผิดชอบของทุกคน ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลมาเลเซียได้เห็นความสำคัญ
ส่วนที่กลุ่ม BRN ออกแถลงการณ์ว่านายกฯ ยังไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อปัญหาชายแดนใต้นั้น พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ตนไม่ได้ตาม แต่เขาต้องการให้มีการพูดคุยกัน ก็เป็นเรื่องนโยบาย เพียงแต่ว่าเราก็ทำอยู่ ซึ่งคงไม่ไปอยู่ใต้ใคร โดยเรารับฟังและมีทิศทาง ทั้งนี้ จำเป็นอย่างยิ่งถ้าจะมีการพูดคุย ก็ควรให้ทุกส่วนมาพูดคุย การรับฟังประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในความเห็นของตน การแก้ปัญหาความขัดแย้งต้องแก้ด้วยการรัฐศาสตร์ แก้ด้วยการกระจายอำนาจ การพูดคุยก็เป็นกิจกรรมหนึ่ง สุดท้ายอยู่ที่การบริหารและการปกครอง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงกรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนกรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท. ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหมด 12 คน ส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณอยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริงว่า ได้ทราบข่าวแล้ว ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นทั้ง 12 คนที่ถูกระบุชื่อ เพราะได้เห็นหลักฐานแล้ว ได้ปฏิบัติตามกฏหมายและระเบียบ ตามหลักวิชาชีพที่เป็นสากลทุกประการและถือเป็นเรื่องที่ดีที่ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ไต่สวน เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม
“การเข้าไปไต่สวนจะทำให้บุคคลที่ยังไม่ได้ส่งหลักฐานจะได้มอบข้อมูลและหลักฐาน เนื่องจากเรื่องนี้มีประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย กรณีผู้ป่วยจะมีกฎหมายคุ้มครอง จึงไม่ได้นำหลักฐานส่งไป ซึ่งได้เคยสอบถามไปว่าหากมอบหลักฐานไปแล้วและมีการนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองก็จะนำเรื่องนี้ไปส่งมอบให้กับ ป.ป.ช. และผมเชื่อมั่นว่า ป.ป.ช. จะอยู่บนเหตุผลและข้อมูล ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ต่อไปนี้ประเด็นนี้จะเข้าสู่กระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรมราชทัณฑ์เตรียมข้อมูลไว้พร้อมแล้วใช่หรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ทุกคนมั่นใจ เพราะกฎหมายถูกเขียนเอาไว้ก่อนที่บุคคลจะมาที่เรือนจำ ซึ่งผู้คุมขังประกอบด้วย 1.ราชทัณฑ์ 2.กฎกระทรวงคือโรงพยาบาล 3.ที่คุมขังอื่น ถือเป็นหลักสากล แต่ประการสำคัญคือกระบวนการเรื่องป่วย ทั้งแพทย์และบุคลากรมีความมั่นใจ หากได้ดูเวชระเบียนหรือหลักฐานซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ถือเป็นเรื่องที่ดีไม่เช่นนั้นจะเอาไปพูดในสถานที่ต่างๆ หากใครมีพยานหลักฐานควรจะนำไปมอบให้กับ ป.ป.ช. ตนเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคน เพราะเขามีประวัติและผลงานเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และการทำงานตรงไปตรงมา อย่ามองว่ากรมราชทัณฑ์จะเข้าข้างใคร กรมราชทัณฑ์ไม่เคยอคติกับใคร เราต้องบริหารงานตามกฎหมาย อาจจะไม่มีดุลยพินิจด้วยซ้ำไปเพราะกฎหมายเขียนไว้
เมื่อถามย้ำว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีใช่หรือไม่ที่จะได้พิสูจน์ความจริงกันไปเลย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งการรับเรื่องไว้ไต่สวนก็มีอยู่หลายเรื่อง ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีมุมมองเรื่องป่วยจริงหรือไม่ป่วยจริง และหลักฐานทางการแพทย์ ในฐานะที่ได้เห็นผ่านตา ในบางช่วงยืนยันว่าหลักฐานมีครบทุกอย่าง และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ให้ผู้ที่ถูกระบุชื่อได้ไปชี้แจง