โดย...สมาน สุดโต
"อย่าเห็นยาว ดีกว่าสั้น และอย่าเห็นสั้นดีกว่ายาว เพราะเวรย่อมไม่ระงับด้วยเวร แต่ย่อมระงับด้วยการไม่ผูกเวร"
โอวาทนี้เป็นของพระเจ้าโกศลทีฆติราช พระราชทานแก่พระโอรส นามว่าทีฆาวุกุมารก่อนที่จะถูกสำเร็จโทษ ที่แคว้นโกศล
พระเจ้าโกศลทีฆติราชเป็นกษัตริย์ที่เคยทรงอำนาจปกครองแค้วนโกศล แต่พระเจ้าพรหมทัตจากพาราณสีมายึดครอง
พระเจ้าโกศลทีฆติราช จึงพามเหสีลี้ภัยจากเมือง แต่งพระองค์เป็นปริพาชก อาศัยบ้านช่างหม้อนอกเมือง และได้พระโอรสที่บ้านนี้ จึงตั้งชื่อว่า ทีฆาวุกุมาร
เมื่อกุมารเจริญวัย ก็ส่งเรียนในสำนักต่างๆที่มีชื่อ เพื่อจะได้พึ่งตนเองได้เมื่อเติบใหญ่
ส่วนทีฆาวุกุมาร ก็เรียนเก่ง ทุกวิชา รวมทั้งการขับขี่รถม้า ซึ่งเป็นที่นิยมมาก นอกจากนั้นก็เก่งด้านวิชาการ ทั้งอักษรศาสตร์ รัฐศาสตร์ ดนตรี การขับร้องและดีดพิณ เป็นที่ชื่นชมของอาจารย์และบิดามารดา
ต่อมาวันหนึ่งบิดามารดาจึงเล่าให้ทีฆาวุกุมารทราบฐานะที่แท้จริงว่า พ่อแม่คือกษัตริย์แคว้นโกศล แต่ถูกพระเจ้าพรหมทัตจากพาราณสี มายึดครอง จึงหนีมาพักพิง ที่บ้านช่างหม้อ
อย่างไรก็ตามพระเจ้าโกศลทีฆติราช และพระมเหสีถูกจับ และกำลังจะถูกประหาร
ในเวาลานั้นทีฆาวุกุมาร เข้าไปทันและจะช่วยชีวิต พระราชบิดาพระราชมารดา แต่พระราชบิดาขอไว้ โดยให้โอวาท ดังกล่าวข้างต้นถึง 3 ครั้ง ทีฆาวุกุมารจึงน้อมรับ
หลังจากนั้นทีฆาวุกุมารวางแผน
จะเข้าใกล้ชิดพระเจ้าพาราณสี เพื่อแก้แค้นให้พระราชบิดา
วันหนึ่งจึงฝากตัวเป็นศิษย์ควาญช้าง ข้างพระที่นั่ง
อาศัยที่ชำนาญดนตรี ร้องเพลงเก่ง ดีดพิณเพราะ พระเจ้าพรหมทัต จึงโปรดให้เฝ้าใกล้ชิด และให้พำนักในพระราชวัง
วันหนึ่งโปรดให้ทีฆาวุ จัดกระบวนออกล่าสัตว์ เมื่อล่าสัตว์จนเหนื่อย จึงทอดพระวรกาย เอาศรีษะพาดบนตักทีฆาวุกุมารแล้วบรรทมหลับไป
ทีฆาวุกุมาร เห็นเป็นโกาศจึงดึงดาบเพื่อตัดพระเศียรพระเจ้ากรุงพาราณสี แต่เงื้อง่า 3 ครั้งก็ตัดสินใจไม่ได้ เพราะนึกถึงพระโอวาทของพระชบิดา
ส่วนพระเจ้าพรหมทัต รู้สึกพระองค์ ตกใจกลัวร้องขอชีวิต ทีฆาวุกุมารจึงพระราชทานชีวิต
เมื่อเสด็จออกขุนนางในวันรุ่งขึ้น จึงให้ทีฆาวุ กุมาร อธิบายโอวาทของพระราชบิดาใหัที่ประชุมขุนนางฟัง
จึงอธิบายแบบนักปราชญ์ ดังนี้
คำว่า"ยาว"นั้นหมายถึง "เวร" อธิบายว่าการผูกเวร นั้นเป็นเรื่องยาว ไม่รู้จบ มุ่งทำร้ายกันไม่มีที่สิ้นสุด (อิสราเอล กับฮามาส เป็นตัวอย่าง)
ผู้หวังความสงบสุข ควรเห็นการไม่จองเวรดีกว่า ด้วยว่าเป็นเรื่องสั้น จบง่ายสบายดีกว่า
พระราชบิดาจึงตรัสสั้นๆว่า "อย่าเห็นยาวดีกว่าสั้น"
ส่วนขัอที่ 2 ว่า "อย่าเห็นสั้นดีกว่ายาว" อธิบายว่าการทำลายมิตร ให้แตกร้าวกัน เป็นเรื่องสั้น
ส่วนการผูกมิตรไมตรีต่อกัน เป็นเรื่องยาว ด้วยมิตรจะให้ความสุขตลอด
ข้อที่ว่า"เวรย่อมไม่ระงับด้วยเวร แต่เวรย่อมระงับด้วยการไม่ผูกเวร"
อธิบายโดยยกตัวอย่างว่าถ้าข้าพระองค์ (ทีฆาวุกุมาร) สังหารพระองค์(พระเจ้าพรหมทัต) ทหารผู้จงรักภักดี คงไม่ปล่อยไว้ ต้องสังหารข้าพระพุทธเจ้าแน่นอน เวรระงับไม่ได้ ต้องจองเวรกันต่อไป
การไม่จองเวร ไม่ใช่ขี้ขลาด แต่เป็นความกล้าหาญเอาชนะที่จะอวยผลทางที่ดีมีสุขในกาลต่อไป
พระเจ้าโกศลทีฆติราช จึงตรัสย้ำว่า "เวรย่อมระงับด้วยการไม่ผูกเวร"
เมื่อทีฆาวุกุมาร อธิบายสิ้นสุดลง ที่ประชุมนางชื่นชมยินดี และพระเจ้าพรหมทัต ทรงกล่าวว่า
ทีฆาวุกุมารมิใช่เก่งขับร้องดนตรี และขับี่รถม้าเท่านั้น ความเป็นนักปราชญ์ก็เก่ง
จึงเห็นการอธิบายความนั้นเป็นการเปิดภาชนะที่คว่ำ ให้หงายขึ้น
และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และพระราชทานราชบุตรีให้เศกสมรส พร้อมยกราชสมบัติให้ครอบครองต่อไป
การกตัญญู เคารพและเชื่อฟังบิดา มารดา ย่อมมีผลดี ดังที่ทีฆากุมาร ได้รับตามเรื่องที่เล่านี้
(cr .สารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม 14 ทะเบียน-ธรรมราชา พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2527-2528)